มาตามนัดเป๊ะ สำหรับอีเวนท์ประจำปีของ Apple กับงาน WWDC18 ทันทีที่จอนาฬิกาแสดงเวลา 00.01 น. (ตามเวลาประเทศไทย) สัญญาณ Live จากเวทีจัดงานก็ถูกถ่ายทอดผ่านเว็บไซต์ Apple ทันที แน่นอนว่าตรงกับเวลา 10.00 น. จากซานโฮเซ สหรัฐอเมริกา และแน่นอนว่า ทิม คุก CEO ขึ้นประเดิมเวที ก่อนจะส่งไม้ต่อให้เหล่าผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ สลับกันขึ้นมาเล่าและสาธิตรายละเอียดต่างๆ ตลอดงาน ส่วนจะมีอะไรใหม่ อะไรถูกอัพเดท เราชวนคุณไปเช็คเทรนด์เทคโนโลยีของ Apple ในปีนี้ พร้อมๆ กัน
10 ปี App Store กับการเป็นคลังแอปใหญ่สุดในโลก
อย่างที่รู้กันว่า iPhone มีอายุครบ 10 ปีในปีนี้ และนั่นก็รวมถึง App Store ด้วย ซึ่งทิม คุก กล่าวว่า App Store คือคลังแอปพลิเคชันที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีจำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมเฉลี่ย 500 ล้านครั้งในแต่ละสัปดาห์ทีเดียว
หลากนวัตกรรม ผ่าน 4 แพลทฟอร์ม
เริ่มต้นด้วยการยืนยันจาก CEO Apple ว่าบนเวที WWDC18 จะกล่าวถึงระบบปฏิบัติการ 4 แพลทฟอร์ม คือ iOS, watchOS, tvOS และ macOS
iOS
เป็นไปตามคาดว่า Apple จะต้องโชว์ iOS เวอร์ชั่นใหม่บนเวทีนี้ ซึ่งใน iOS12 ได้รับการพัฒนาเพื่อสนับสนุนการใช้งานบน iPhone และ iPad ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Apple การันตีว่า iOS12 ถูกปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานทั่วทั้งระบบ ทำให้เปิดกล้องเร็วกว่าเดิม 70% คีย์บอร์ดปรากฏขึ้นเร็วกว่าเดิม 50% และสามารถเปิดแอปได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า ส่วนฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่จะมาพร้อมกับ iOS12 ได้แก่…
AR : ARKit 2 จะเป็นโอกาสให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอพ AR ที่ทันสมัยด้วยเครื่องมือใหม่ๆ เช่น การตรวจจับวัตถุ การติดตามภาพ เพื่อทำให้แอป AR หวือหวา และยังมีการประกาศรูปแบบไฟล์แบบเปิดใหม่ที่เรียกว่า USDZ การออกแบบจากความร่วมมือกับ Pixar ทำให้ประสบการณ์ AR ในรูปแบบภาพกราฟิกและแอนิเมชั่นน่าตื่นตาตื่นใจมากขึ้น
แอป Camera : ต่อจากนี้แอปกล้องจะเป็นมากกว่าเครื่องมือบันทึกความทรงจำ เพราะ Apple ได้โชว์คุณสมบัติที่เพิ่มขึ้น อาทิ สามารถวัดขนาดวัตถุที่อยู่ในเฟรมภาพได้ทันทีเพียงลากนิ้วจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
แอป Photos : แท็บ For You โฉมใหม่แสดงช่วงเวลาที่ชื่นชอบในที่เดียว รวม Memories และอัลบั้มที่แชร์ใน iCloud เข้าไว้ด้วยกัน คุณลักษณะคำแนะนำการแชร์ใหม่ช่วยให้การแชร์รูปถ่ายกับเพื่อนๆ ง่ายขึ้น และเพื่อนๆ ที่ได้รับรูปถ่ายจะได้รับแจ้งให้แชร์รูปถ่ายและวิดีโอจากทริปหรืองานกิจกรรมกลับมาให้คุณ คำแนะนำการค้นหาจะแสดงงานกิจกรรม ผู้คนสถานที่ กลุ่ม หมวดหมู่ และการค้นหาล่าสุดที่เกี่ยวข้องที่สุด และฟังก์ชันการค้นหาใหม่ก็ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมคำค้นหาหลายๆ คำเพื่อค้นหารูปถ่ายที่ใช่
Siri Shortcuts : สิ่งที่จะทำให้ Siri ผู้ช่วยระบบสั่งงานด้วยเสียงสามารถตอบสนองการใช้งานได้ดีขึ้น คือแอป “Shortcuts” ซึ่งจะทำให้ Siri ไม่ได้ตอบสนองคุณด้วยการแนะนำหรือเชื่อมโยงไปยังแอปใดแอปหนึ่ง แต่จะรวดเร็วขึ้น และมีข้อมูลหรือแนะนำแอปที่เชื่อมโยงกับความต้องการได้หลากหลายและสั่งให้เริ่มต้นการทำงานได้ตามสั่ง เช่น คุณสามารถตั้งค่าว่าจะเดินทางกลับบ้าน เพื่อให้ระบบรายงานสภาพอากาศ เตรียมเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า เปิดเพลง พร้อมกับเปิดแมปส์ให้คุณพร้อมเดินทางกลับบ้าน
Do Not Disturb : ต่อจากนี้ก็จะมีรายละเอียดให้เจาะลึกได้มากขึ้น เช่น เลือกว่าห้ามรบกวนเป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือห้ามรบกวนเมื่ออยู่ในบางสถานที่ เพื่อไม่ทำให้คุณเสียสมาธิกับการรบกวนหรือการแจ้งเตือน
ปิด Notifications : ใครรำคาญแจ้งเตือนจากแอปต่างๆ บอกเลยว่ามีทางออกแล้ว! เพราะใน iOS12 จะมาพร้อมการแจ้งเตือนแบบกรุ๊ป นั่นหมายความว่าแต่ละการแจ้งเตือนจะเรียงซ้อนกันเป็นระเบียบ แต่ยังสามารถกดดูแต่ละการแจ้งเตือนได้ทีละครั้งเช่นเดิม แถมยังมีระบบตั้งเวลาให้การแจ้งเตือน เช่น ปิดแจ้งเตือนจากแอปโซเชียลเป็นเวลา 1 ชม. ซึ่งก่อนถึงกำหนดเวลาดังกล่าวก็จะมีแจ้งเตือนให้คุณรู้ด้วย เผื่อจะขยายเวลาปิดแจ้งเตือน
Memoji : นอกจาก iPhone X จะสามารถสร้าง Animoji เพิ่มลูกเล่นให้การสื่อสารในแอป Messages ตอนนี้ Apple ยังพัฒนา Memoji เพื่อให้ผู้ใช้สร้างคาแรกเตอร์ที่เหมือน Copy คุณออกมาเป๊ะๆ หรือสร้างให้แตกต่างสุดขั้ว ซึ่งนอกจากรายละเอียดโครงหน้า สีผิว หน้าตา ทรงผม Memoji ยังสามารถลงรายละเอียดได้ถึงทรงแว่นตาและสีเลนส์ของแว่นที่คุณจะใช้ พร้อมกันนี้ก็มีการเพิ่ม Animoji ตัวใหม่อีก 4 แบบ คือ ผี, หมีโคอาลา, เสือ, ทีเร็กซ์ และความสามารถในการตรวจจับการขยิบตาและแลบลิ้น เพื่อลงรายละเอียดการแสดงออกทางสีหน้า เป็นต้น
Group FaceTime : ไม่ต้องเหงาคุยกันทีละคนอีกต่อไป เพราะ iOS12 ทำให้คุณได้ใช้ FaceTime แบบกลุ่มได้สูงสุดถึง 32 คน โดยเรียกว่า Group FaceTime ซึ่งรองรับการใช้งานทั้ง iPhone, iPad, mac หรือเข้าร่วม FaceTime เฉพาะเสียงผ่าน Apple Watch
ส่วนคำถามที่ว่า ดีไวซ์ไหนบ้างที่ยังสามารถไปต่อกับ iOS12 ได้ ก็คือ iPhone 5s และรุ่นที่ใหม่กว่านั้น, iPad Air และ iPad Pro ทุกรุ่น, iPad รุ่นที่ 5, iPad รุ่นที่ 6, iPad mini 2 และรุ่นใหม่กว่า รวมถึง iPod touch รุ่นที่ 6
ซึ่ง iOS12 เวอร์ชั่นผู้ใช้ทั่วไปนั้น Apple ประกาศว่าจะเปิดให้อัพเดทฟรีภายในช่วงปลายปีนี้
watchOS
มาพร้อมกับเวอร์ชั่น watchOS 5 สำหรับใช้งานกับ Apple Watch โดยมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ อาทิ…
การแข่งขันกิจกรรม : ให้ผู้ใช้งานร่วมแข่งขันกิจกรรมได้นาน 7 วัน เพื่อความตื่นเต้นในการแชร์กิจกรรม
ตรวจจับการออกกำลังกายอัตโนมัติ : เมื่อคุณเริ่มต้นออกกำลังกาย (อย่างถูกต้อง) ระบบก็จะตรวจจับได้และเริ่มต้นแจ้งเตือนและให้คะแนนกับคุณทันที แม้จะลืมปิดการใช้งาน แต่เมื่อคุณหยุดออกกำลังกายระบบก็หยุดไปด้วย
แอปออกกำลังกายใหม่ : โยคะและปีนเขาถูกเพิ่มเข้ามาในรูปแบบการออกกำลังกาย จากเดิม 12 ประเภท
คุณสมบัติการวิ่งใหม่ : watchOS 5 มากับคุณสมบัติสำหรับผู้ที่จริงจังในการวิ่ง ซึ่งรวมถึงเมตริกการนับก้าวใหม่แบบก้าวต่อนาที ใช้กับทั้งการวิ่งและเดินในร่มหรือเดินกลางแจ้ง
Walkie-Talkie : เป็นรูปแบบใหม่การสื่อสารด้วยเสียงเพียงสัมผัสที่ข้อมือ ง่าย สนุกสนาน และเป็นส่วนตัวด้วยการติดต่อกับเพื่อนและครอบครัวด้วยการเชื่อมต่อแบบ watch-to-watch ซึ่งสามารถเปิดใช้งานระหว่างผู้ใช้ Apple Watch รุ่นเดียวกันได้ทั่วโลกผ่าน Wi-Fi หรือเครือข่ายมือถือ1
อัพเดท Siri : Siri จะสามารถแสดงทางลัดที่คาดการณ์ได้ ในรูปแบบข้อมูลเชิงรุกมากขึ้น ตามเส้นทาง ตำแหน่ง และข้อมูล เช่น อัตราการเต้นของหัวใจหลังการออกกำลังกาย เวลาที่ใช้เดินทางด้วยแอปแผนที่ในระยะเวลาที่เหมาะสมของวัน หรือคะแนนการแข่งขันกีฬาทีมโปรดของคุณ เป็นต้น
watchOS 5 จะเปิดให้ดาวน์โหลดฟรีในฤดูใบไม้ร่วงนี้สำหรับ Apple Watch Series 1 และใหม่กว่า และจำเป็นต้องมี iPhone 5s หรือใหม่กว่าที่ใช้ iOS 12 watchOS 5 จะไม่สามารถใช้ได้กับ Apple Watch รุ่นดั้งเดิม
tvOS
เปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ tvOS12 เพื่อรองรับความบันเทิงบนหน้าจอขนาดใหญ่และการใช้ Apple TV 4K ซึ่งมาพร้อมการรองรับระบบเสียง Dolby Atmos รวมถึง Dolby Vision เพื่อเสียงเหมือนจริงในแบบ 3 มิติ, Apple TV App จะทำให้คุณใช้งานแอปสื่อวิดีโอที่ร่วมให้บริการมากกว่า 100 แอป จาก 10 ประเทศ, ภาพพักหน้าจอธีมอวกาศยังคงเป็นที่นิยมของผู้ใช้ Apple TV ดังนั้น tvOS12 จึงร่วมกับสถานีอวกาศนานาชาติและศูนย์พัฒนาวิทยาศาสตร์ในอวกาศ เพื่อให้ผู้ใช้ Apple TV สามารถใช้ภาพถ่ายจากอวกาศจากนักบิน NASA ในรูปแบบอินเตอร์แอ็คทีฟ สามารถรู้ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งของภาพชุดดังกล่าวได้นับ 10 รูป
macOS
เวอร์ชั่นใหม่ที่เปิดตัวบนเวที WWDC18 คือ macOS Mojave โดยมีคุณสมบัติใหม่ๆ อาทิ…
Dark Mode : ผู้ใช้ macOS Mojave สามารถสลับเป็น Dark Mode เพื่อแปลงโฉมเดสก์ท็อปเป็นชุดสีโทนเข้มที่ช่วยเน้นให้คอนเทนต์ของผู้ใช้มีความโดดเด่นขึ้น แต่ยังสามารถสลับไปมาระหว่างเดสก์ท็อปแบบสว่างและแบบมืดได้ โดยมีหลายแอป เช่น Mail, Messages, Maps, Calendar, Photos ก็มาพร้อมดีไซน์แบบ Dark Mode หรือจะใช้คุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า Dynamic Desktop เปลี่ยนรูปภาพบนเดสก์ท็อปให้เข้ากับช่วงเวลาของวันโดยอัตโนมัติก็ได้
Desktop Stacks : ช่วยจัดการหน้าจอเดสก์ท็อปที่ยุ่งเหยิงให้เป็นระเบียบในทันที ด้วยการซ้อนไฟล์ และแยกกลุ่มอัตโนมัติตามประเภทไฟล์ หรือจะตั้งค่าให้แยกไฟล์ตามวันที่และแท็ก เป็นต้น
Finder : ใน macOS Mojave ยังได้รับการปรับปรุงอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่ม Gallery Viewใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถกวาดตาดูเนื้อหาในไฟล์แบบคร่าวๆ ได้ หรือหน้าต่างแสดงตัวอย่าง เพื่อช่วยให้การจัดการไฟล์สื่อรูปแบบต่างๆ กลายเป็นเรื่องง่าย และยังมี Quick Actions ช่วยให้สามารถทำอะไรหลายๆ อย่างจากใน Finder ได้ทันที เช่น การสร้าง PDF แบบต้องใส่รหัสผ่าน และการใช้ Automator Actions กับไฟล์ ส่วน Quick Look จะแสดงตัวอย่างของไฟล์แบบเต็มหน้าจออย่างรวดเร็ว ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหมุนและครอบตัดรูปภาพ ทำเครื่องหมายบนไฟล์ PDF หรือตัดต่อวิดีโอและคลิปเสียงได้ทันทีโดยไม่ต้องเปิดแอป
FaceTime กลุ่ม : คุณสมบัติและเงื่อนไขการใช้งานเดียวกับที่ใช้บน iPhone และ iPad
mac App Store โฉมใหม่ : บน macOS Mojave นั้น Mac App Store ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทั้งรูปลักษณ์ใหม่และคอนเทนต์น่าสนใจจากบรรณาธิการ ช่วยผู้ใช้หาแอปสำหรับงานบางประเภทได้ตรงจุดประสงค์การใช้งาน
ส่วนที่นักพัฒนาและนักวิเคราะห์เทคโนโลยีหวังจะเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ถูกเปิดตัวบนเวที WWDC18 ก็คงผิดหวังเล็กๆ น้อยๆ เพราะอีเวนท์นี้มีเพียงการแนะนำซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ที่ถูกเปิดตัวภายในงานนี้ ก็มีแค่ สายแบบ Woven Nylon รุ่น Pride Edition และแบบ Sport Band สีใหม่ เท่านั้น
Copyright © MarketingOops.com