เรียกว่าเป็นแอพพลิเคชั่นเจ้าปัญหาจริงๆ สำหรับ Uber ที่ถูกท้าทายจากสังคมรอบข้างมาโดยตลอด ล่าสุด Uber พยายามระบุว่าพนักงานแท๊กซี่กว่า 1.6 แสนคนในสหรัฐฯ นั้นไม่ได้มีสถานะเป็นลูกจ้างของบริษัทแต่เป็นฟรีแลนซ์หรือพนักงานสัญญาจ้าง และต้องต่อสู้ทางกฏหมายเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาในแนวทางนั้น
ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจากที่คนขับแท๊กซี่ 3 คนร้องขอต่อศาลสหรัฐฯ ให้พวกเขามีสถานะเป็นลูกจ้างให้แก่บริษัท Uber เพื่อประโยชน์ในการทำธุรกรรมทางการเงินและความน่าเชื่อถือของบุคคล อย่างไรก็ตาม Uber ระบุว่าพนักงานขับรถของบริษัทนั้นมีความหลากหลายมากเกินกว่าจะสามารถจัดประเภทอย่างชัดเจนได้
เพื่อสนับสนุนข้อโต้แย้ง Uber ยื่นหนังสือชี้แจงที่มาจากปากคำของพนักงานขับรถกว่า 400 คนซึ่งระบุว่าพวกเขาไม่อยากได้สถานะการเป็นลูกจ้างกับบริษัท Uber เพราะทำให้พวกเขาต้องจ่ายภาษีและมีภาระทางกฏหมายบางอย่าง ตัวอย่างเช่น Christopher Martinez จากลอส แองเจลิส ที่ระบุว่าเขาคงเลิกทำงานกับ Uber หาต้องถูกบังคับให้เป็นพนักงานของบริษัท โดยให้เหตุผลว่าเพราะเขาให้ค่ากับอิสระในการทำงานเป็นพนักงานสัญญาจ้างมากกว่า และเขาไม่ต้องการให้ Uber มาบอกว่าจะต้องทำงานที่ไหนและเมื่อไหร่ ซึ่งอาจส่งผลให้รายได้ของเขาลดลงอย่างน่าใจหายด้วย
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนขับแท๊กซี่ที่ต้องได้สถานะการเป็นลูกจ้างนั้นระบุว่าพวกเขาสามารถล่ารายชื่อผู้เห็นด้วยได้แล้วกว่า 1 พันคนและมีแผนจะเดินหน้าการเคลื่อนไหวเร็วๆ นี้ ทางด้าน Uber จะแสดงท่าทีที่ชัดเจนภายในวันที่ 6 สิงหาคม