พูดถึง Smart Cities แม้จะยังไม่ได้เห็นแพร่หลาย ชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา นโยบาย Thailand 4.0 ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน ทุกภาคส่วนต่างขานรับและสนับสนุนให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ ความพยายามในการนำร่องไปแล้วหลายจังหวัด อาทิ ภูเก็ต เชียงใหม่ และขอนแก่น ภายใต้เป้าหมายในการสร้างเมืองนวัตกรรม ใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงและอำนวยความสะดวกในการดำเนินชีวิต สู่การเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ ก่อนจะขยายความสำเร็จสู่ภาพรวมระดับประเทศ
แต่ในมุมมองของภาคเอกชน การส่งเสริมและยกระดับชีวิตแก่ผู้คนในประเทศอาจยังไม่เพียงพอ วันนี้เราจึงได้เห็นความพยายามจากหลายอุตสาหกรรมที่ต้องการสนับสนุนและผลักดันประเทศไทย สู่การเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับภูมิภาค รวมถึงเป้าหมายของกลุ่มทรู ที่กำลังผลักดันโครงการ True Digital Park ให้เป็นหน้าตาด้านดิจิทัลของไทย และเป็น Global Destination ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอัพเดทความคืบหน้าแล้วว่า มีกำหนดเปิดโครงการในเดือนพฤศจิกายน ปีนี้
“ไทย” จะพลิกนำเทรนด์ดิจิทัล
นอกจากโครงการ True Digital Park จะมีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมดิจิทัลแห่งแรกของไทยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว อีกเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของโครงการนี้ คือ การเป็นปลายทางระดับโลกของคนดิจิทัล เท่ากับว่า เมื่อนึกถึงเมืองไทย ในอนาคตอันใกล้จะไม่ใช่การนึกถึงประเทศที่มีทะเลสวยติดอันดับโลก วิถีชีวิตที่มีเสน่ห์ทั้งยามกลางวัน-กลางคืน หรืออาหารเลิศรสในฐานะครัวโลก แต่ ไทย กำลังจะกลายเป็นฮับของภูมิภาค และเพียบพร้อมด้วยระบบนิเวศทางดิจิทัลในสายตาของเหล่าสตาร์ทอัพและคนดิจิทัลทั่วโลก
ดังนั้น แนวคิดของโครงการนี้จึงถูกสะท้อนออกมาในรูปแบบของ “Digital Lifestyle – Connecting Possibilities” เรียกง่ายๆ ก็คือ ตอบโจทย์ดิจิทัลไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร มีพร้อมทั้งสถานที่ทำงาน พักอาศัย และพักผ่อน ภายใต้พื้นฐานเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และแน่นอนว่าต้องมีพื้นที่เพียงพอกับทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างอิสระ แต่สามารถเชื่อมต่อถึงกันภายในโครงการตามแนวคิด Open Innovation
Mixed Use บนพื้นที่ 43 ไร่ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล
True Digital Park ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 43 ไร่ ย่านสุขุมวิทซอย 101 เน้นเดินทางสะดวกเชื่อมต่อจากรถไฟฟ้า BTS สถานีปุณณวิถี หมดปัญหาการจราจรและการเดินทางแบบคนเมือง และยังแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน เพื่อรองรับดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่ต้องการพื้นที่ครบวงจร เพื่อการทำงาน พักอาศัย หรือแม้แต่การพักผ่อนก็รวมอยู่ภายในโครงการเดียว ทั้งหมดก็เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศแก่เหล่าสตาร์ทอัพให้สามารถแบ่งปันและต่อยอดองค์กรความรู้ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างไม่จำกัดและไม่สิ้นสุด
ลองพิจารณาถึงเรื่องดีไซน์ซักหน่อย อย่าคิดว่าโครงการที่ประกาศตัวว่าจะช่วยเติมเต็มระบบนิเวศให้คนดิจิทัลจะมาพร้อมการออกแบบส่วนต่างๆ ให้มีกรอบ หรือสร้างพื้นที่เฉพาะส่วนตัว เพราะไอเดียการทำงานและแนวคิดสร้างสรรค์ยุคนี้ล้วนต้องการพื้นที่อิสระเปิดโล่งมากกว่า True Digital Park จึงหยิบ Pain Point ดังกล่าวของคนทำงานมาออกแบบพื้นที่ภายในโครงการให้เป็นคอนเซปต์ Connecting Space เปิดโล่งเชื่อมต่อกันระหว่างชั้น อำนวยความสะดวกกับวิถีการทำงานแบบคนรุ่นใหม่ ทำให้มีอิสระทั้งพื้นที่ทำงาน การแลกเปลี่ยนความเห็น หรือแม้แต่การสร้างเครือข่ายความร่วมมือก็ได้สะดวกขึ้น
ชูคอนเซปต์ Digital Lifestyle-Connecting Possibilities
ไม่มีแค่อิสระสำหรับไอเดียและการทำงาน เพราะภายในโครงการนี้ยังใส่การใช้ชีวิตของผู้ที่เข้ามาใช้พื้นที่ด้วยการจัดโซนไลฟ์สไตล์ให้หลากหลายถึงใจกับ 200 ร้านค้า ที่มีทั้งร้านอาหาร ร้านค้าแนวไลฟ์สไตล์ สุขภาพ มีแม้กระทั่งร้านสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งผ่านการคัดสรรโดย 101 ในเครือ MQDC ไลฟ์สไตล์รีเทลระดับชั้นนำ เรียกว่าเปิดพื้นที่เอาใจทั้งสตาร์ทอัพ คนดิจิทัล และผู้ที่อยากใช้ไลฟ์สไตล์แบบคนยุคใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างที่เล่าไปบ้างแล้วว่า True Digital Park แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนก็มีสไตล์และรายละเอียดแตกต่างกันอย่างชัดเจน เพื่อรองรับการใช้งานและการใช้ชีวิต ได้แก่
Innovation Area : พื้นที่เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งในส่วนนี้จะกลายเป็น Open Innovation ศูนย์รวมบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ สตาร์ทอัพ ผู้ประกอบการ นักลงทุน รวมถึงศูนย์ R&D ของมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งรวมพื้นที่กว่า 77,000 ตารางเมตร และยังแบ่งย่อยออกไปอีก 4 โซน คือ Co-working Space สำหรับการทำงาน เรียนรู้และสร้างสรรค์นวัตกรรมร่วมกัน, Enterprise Space สำนักงานบริษัทข้ามชาติ และเหล่าสตาร์อัพ, Innovation Space ศูนย์นวัตกรรม และเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นนำ, และ Events and Business Services Space เติมเต็มไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตประจำวัน ทั้งห้องประชุมและสัมมนา ร้านอาหาร และกิจกรรมสันทนาการต่างๆ
Lifestyle Area : พื้นที่ไลฟ์สไตล์ขนาด 30,000 ตารางเมตร ที่รวมร้านค้ากว่า 200 ร้าน ไว้รองรับทุกความต้องการและทุกไลฟ์สไตล์
Residential Area : ที่พักอาศัยก็เป็นอีกจุดเด่นของโครงการ เพราะในพื้นที่จะมีคอนโดมิเนียม High-rise จำนวน 3 อาคาร ไว้อำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยหรือลงทุนก็ทำได้
Smart Solutions ทุกมุม รองรับ Smart Life
เมื่อเป็นโครงการด้านดิจิทัลที่มีเป้าหมายเป็นพื้นที่เพื่อคนทั่วโลกเช่นนี้ แน่นอนว่าโครงสร้างทางเทคโนโลยีต้องพร้อมให้บริการ เราจึงได้เห็นการนำ Smart Solutions มากมายเข้ามาให้บริการและรองรับการใช้งาน อาทิ แอปพลิเคชันชื่อเดียวกับโครงการ เพื่อเป็นระบบเข้า-ออกอาคาร จองห้องประชุม หรือพื้นที่ฟังก์ชันแบบออนไลน์, หุ่นยนต์ช่วยอำนวยความสะดวก (Robotics), ระบบ IoT เช่น Smart Parking และ Smart Metering รวมถึงการใช้ชีวิตแบบสังคมไร้เงินสด ใช้จ่ายผ่านแอปทรูไอดี หรือทรูมันนี่ และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่าย 4G+ และ WiFi จาก truemove H ที่ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 43 ไร่ทั่วโครงการ
“101 The Third Place” เก็บทุกรายละเอียดการใช้ชีวิต
ในโครงการ True Digital Park ให้ความสำคัญกับภาพของการเป็น Lifestyle Area เพื่อเติมเต็มดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ผ่านพื้นที่ขนาด 30,000 ตารางเมตร ด้วยโครงการ 101 The Third Place ซึ่งรวมร้านค้ากว่า 200 ร้าน โดยแบ่งเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขนมกว่า150 ร้าน และสินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ความงามและสุขภาพ และบริการอื่นๆ กว่า 50 ร้าน พร้อมทั้งแบ่งย่อยเป็น 4 โซน อาทิ
1. 101 Park
พื้นที่สีเขียวที่ผสานพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกอาคารเข้าด้วยกันทั่วคอมเพล็กซ์ มีทั้งสวนบนดาดฟ้าและสนามหญ้าขนาดใหญ่ที่สามารถดัดแปลงเป็นลานกิจกรรมสำหรับอีเวนท์ได้
2. Hillside Town
จัดวางพื้นที่ค้าปลีกโดยไม่เรียงตัวกัน เพื่อสร้างแตกต่างให้ประสบการณ์การช้อปและชิม ท่ามกลางบรรยากาศเมืองเล็กๆ กลางหุบเขา ลัดเลาะตามทางเดินบนเนินที่โค้งตัวไปมา
3. 24-Hour Street
ไม่ใช่แค่พื้นที่สร้างสรรค์นวัตกรรมที่เปิดกว้างได้อิสระ เพราะพื้นที่ส่วนนี้ก็เปิดให้ทุกคนใช้ชีวิตไร้ขีดจำกัดได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านสะดวกซื้อ หรือแม้แต่ร้านสำหรับสัตว์เลี้ยง ก็พร้อมให้บริการคนนอนดึกเสมอ
4. 101 Track
เลนจักรยานและลู่วิ่งลอยฟ้าแบบมัลติเลเวลแห่งแรกในประเทศไทย กับระยะทางรวม 1.3 กิโลเมตร เชื่อมต่อจาก BTS ปุณณวิถี สู่ภายในคอมเพล็กซ์ ก พร้อมให้เหล่านักวิ่งและนักปั่นได้ออกกำลังกายในบรรยากาศปลอดโปร่งเย็นสบายและชมวิวทิวทัศน์โดยรอบโครงการไปพร้อมๆ กัน
เปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายนนี้ คงจะได้เห็นรูปธรรมของ True Digital Park ว่าจะครบครันและลงตัว เพื่อทำให้ประเทศไทยกลายเป็น Global Destination ของคนดิจิทัลได้เหมาะเจาะ ลงตัวเพียงใด
