ในโลกธุรกิจการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลกำไรและผลประโยชน์สูงสุดให้กับองค์กรถือเป็นเป้าหมายสำคัญของทุกบริษัท ทุกองค์กร แต่จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าองค์กรเจริญรุ่งเรือง แต่สังคมหรือชุมชนแย่ สิ่งแวดล้อมไม่ดี ดังนั้น จึงเกิดแนวคิดการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรมและการจัดการที่ดี โดยรับผิดชอบสังคมและสิ่งเเวดล้อม อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งเรารู้จักกันดีนั่นคือ CSR (Corporate Social Responsibility)
อย่างไรก็ตาม นอกจาก CSR แล้วยังมี สิ่งที่เรียกว่า CSV (Creating Shared Value) คือ การสร้างสรรค์คุณค่าเพิ่มร่วมกันให้กับสังคมเป็นความพยายามหาพื้นที่แห่งความสำเร็จร่วมกันระหว่างธุรกิจและสังคม
ตัวอย่างเช่น องค์กรที่ดำเนินธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนา ได้จัดซื้อวัตถุดิบจากเกษตรกร วิธีการคิดง่ายๆ ในการจัดซื้อก็คือให้ได้วัตถุดิบในราคาที่ต่ำที่สุด ซึ่งสำหรับแนวคิดแบบ CSV ก้าวข้ามไปอีกขั้น เป็นแนวคิดที่จะทำงานร่วมกับเกษตรกร พร้อมกับช่วยเหลือให้พวกเขาปรับปรุงคุณภาพ เพิ่มพูนผลิตผล ปรับปรุงสภาพแวดล้อมที่พวกเขาอาศัยอยู่ และได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดีขึ้นอย่างมีประสิทธิผลในที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกันก็เป็นการปรับปรุงความสามารถในการแข่งขันขององค์กรธุรกิจไปด้วย (ข้อมูลจาก www.muwac.mahidol.ac.th)
ทำความรู้จัก CSI
ไม่เพียงแค่ CSR, CSV ยังมีสิ่งที่เรียกว่า “CSI” (Corporate Social Innovation) หรือ “นวัตกรรมสังคม” นับเป็นแนวคิดในการพัฒนาสังคมขององค์กรที่ได้รับความสนใจในต่างประเทศเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยหลักการแบ่งปันองค์ความรู้ ปัจจัยความสำเร็จ ปรัชญาความคิดและร่วมลงมือปฏิบัติที่ภาคธุรกิจมีให้แก่ชุมชนเพื่อวางรากฐานการพัฒนาชุมชนอย่างจริงใจโดยไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงผลตอบแทนทางด้านธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับชุมชนและประเทศชาติซึ่งองค์กรที่ถือเป็นเจ้าแรกที่ได้นำแนวคิด CSI มาใช้ในประเทศไทยก็คือ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
จากหลักปรัชญาของ “ซากิชิ โตโยดะ” ผู้ก่อตั้งธุรกิจโตโยต้า ที่กล่าวว่า “เราจะส่งเสริมพัฒนาการและสวัสดิการของประเทสร่วมกับการเจริญเติบโตของชุมชนและประเทศที่โตโยต้าเข้าไปดำเนินธุรกิจ” ซึ่งโตโยต้าถือเป็นพันธกิจในการสนับสนุนสังคมไทยในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และเนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีโตโยต้า ด้วยความตั้งใจในการส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดสู่สังคมไทย ภายใต้แนวคิด “โตโยต้า ขับเคลื่อนความสุข” บริษัท โตโยต้าฯ เห็นความสำคัญของเศรษฐกิจชุมชนว่าเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน อันเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจในประเทสไทยที่มี GDP คิดเป็นมูลค่า 2.8 ล้านล้านบาท หรือ 25% ของ GDP ของประเทศ ดังนั้น ถ้าธุรกิจชุมชนสามารถรอดได้ประเทศชาติก็จะเข้มแข็ง
ปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจชุมชนไปไม่รอด
แต่ปัจจุบันพบว่าธุรกิจชุมชนสามารถอยู่รอดได้เพียง 5% หลังจากก่อตั้ง โดยสาเหตุหลักๆ เกิดจาก
1) ดำเนินธุรกิจไม่เป็นระบบและการจัดการด้านต้นทุนการผลิตไม่เหมาะสม
2) ปัญหาด้านการขาย การตั้งราคา การหาช่องทางการจัดจำหน่าย และการกระจายสินค้า
ดังนั้น โตโยต้า จึงนำองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มี ซึ่งสามารถใช้ได้จริงจนประสบความสำเร็จจนถึงทุกวันนี้ อันได้แก่ วิถีแห่งโตโยต้า, ระบบการผลิตแบบโตโยต้า และปรัชญาลูกค้าเป็นที่ 1 องค์ความรู้ดังกล่าวนี้ถือเป็น “นวัตกรรมทางความคิด” ที่โตโยต้าตั้งใจจะมอบให้กับชุมชนเพื่อสร้างสรรค์ให้เป็นนวัตกรรมเพื่อสังคม จึงได้ริเริ่มโครงการนวัตกรรมสังคม “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” (Toyota Social Innovation) เพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ของโตโยต้าสู่ธุรกิจชุมชน ซึ่งหลักการนี้ตรงกับแนวคิด “CSI” ซึ่งหลายองค์กรในต่างประเทศให้ความสนใจอย่างมาก
นำหลัก “ไคเซน” พยุงธุรกิจชุมชน
“สุรศักดิ์ สุทองวัน” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บ.โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” ว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 40-50 ปีก่อน โตโยต้าเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ไคเซนให้กับองค์กรอื่นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานราชการ ธุรกิจขนาดใหญ่ ขนาดย่อม และขนาดเล็กในญี่ปุ่น จนกระทั่งค่อยๆ เติบโตเป็นธุรกิจที่ประสบความสำเร็จหลายแห่งในญี่ปุ่น ทำให้ประเทศเขากลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่
“ในขณะที่ประเทศไทยเราอยู่ได้ด้วยธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งมีจุดอ่อนอยู่ที่ว่าเกิดได้เร็ว แต่เติบโตและจะก้าวข้ามจากธุรกิจบ้านๆ ให้เป็นมืออาชีพมันต้องอาศัยองค์ความรู้ และการจัดการ ปัญหาคือเราจะทำอย่างไรให้ธุรกิจเหล่านี้มีความมั่นคง มีรายได้พอที่จะเลี้ยงดูคนทั้งองค์กร ซึ่งตรงจุดนี้โตโยต้ามีองค์ความรู้อยู่พอดี เราจึงมีแนวคิดที่จะแบ่งปันองค์ความรู้ดังกล่าวให้กับธุรกิจชุมชน” สุรศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้ โตโยต้า ได้ดำเนินการตามหลัก CSI นำร่องไปแล้ว 3 แห่งด้วยกัน ได้แก่ 1) กลุ่มตัดเย็บเสื้อโปโล ฮาร์ท โอทอป จ.กาญจนบุรี 2) กลุ่มหัตถกรรมเตยปาหนัน บ้านวังหิน จ.กระบี่ 3) แกงไตปลาแม่บ้านเกษตรกรท่าข้ามสัมพันธ์ จ.ตรัง ตั้งแต่ปี 2556 และในปีหน้าก็จะต่อยอดอีกเป็น เฟสที่ 2 แน่นอน
และเพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นคณะผู้บริหาร บริษัท โตโยต้าฯ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ยัง โรงงานตัดเย็บเสื้อโปโล ฮาร์ท โอท็อป จ.กาญจนบุรี ซึ่งทางโตโยต้าได้นำเข้าสู่โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ พร้อมช่วยปรับปรุงธุรกิจชุมชนให้ดีขึ้น ด้วยการปฏิบัติตาม 4 ขั้นตอน อันได้แก่ “รู้ เห็น เป็น ใจ”
- รู้ : รู้ปัญหาในทุกกระบวนการ ภายใต้หลัก TPS (Toyota Production System)
- เห็น : เห็นปัญหาและแนวทางแก้ไขตามหลัก Kaizen
- เป็น : ทำเป็นด้วยตนเอง ตามหลัก Kaizen และพอเพียง
- ใจ : เข้าใจ ใส่ใจ และถูกใจ ตามหลักปรัชญาลูกค้าเป็นหนึ่งจากวิถีแห่งโตโยต้า
ขั้นตอนการดำเนินงาน
การดำเนินงานของโครงการนำร่องให้แก่ “ธุรกิจชุมชนเสื้อโปโลฮาร์ท สปอร์ต แวร์” คือการนำวิธีการไคเซน (Kaizen) ซึ่งเป็นเสาหลักของระบบ TPS มาประยุกต์ใช้ปรับปรุงการจัดการทางธุรกิจแบบองค์รวม
- การสำรวจก่อนการไคเซน (Pre-kaizen survey)
1.1 สำรวจภาพรวมทางธุรกิจ
1.2 การเจาะปัญหาหลักของธุรกิจ โดยการสำรวจขั้นตอนการทำงานอย่างละเอียด และสร้างแบบฟอร์มเพื่อเก็บข้อมูล
1.3 สรุปปัญหาตามหลัก TPS ซึ่งพบว่ามีประสิทธิภาพในการผลิตต่ำ เกิดการสูญเสียจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ และต้นทุนจมที่เกิดจากการสต๊อกสินค้า
1.4 กำหนดเป้าหมายเพื่อการไคเซน ออกแบบบอร์ดเพื่อการมองเห็นตามหลัก TPS ประกอบด้วย บอร์ดควบคุมสินค้าเข้า-ออก บอร์ดควบคุมคุณภาพสินค้า และบอร์ดสต๊อกสินค้า
- การไคเซนด้วยระบบการมองเห็น (Visualization) ซึ่งจะทำให้เห็นภาพของปัญหาชัดเจนมากขึ้นว่ากระบวนการตรงไหนบกพร่อง และจะเข้าไปแก้ไขอย่างไร
2.1 ประสิทธิผลในการผลิต เกิดปัญหาดังนี้
– ไม่มีการวางแผนการผลิตทำให้เกิดปัญหางานคอขวดที่กระบวนการเย็บและกระบวนการรีด
– ไม่มีการติดตามสถานะการผลิต ทำให้เกิดปัญหาการส่งมอบล้าช้า
2.2 การตรวจสอบคุณภาพสินค้า เกิดปัญหาดังนี้
– ไม่มีการบันทึกติดตามสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพจากการผลิต
– วิธีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าแบบเดิมโดยใช้สายวัดใช้เวลานาน จึงไม่สามารถตรวจสอบสินค้าได้ 100%
2.3 การบริหารจัดการสต๊อก เกิดปัญหาดังนี้
– ไม่มีระบบการจัดเก็บสินค้าในสต๊อก ทำให้ไม่ทราบจำนวนที่แน่นอนของเสื้อ แต่ละขนาดและสี
– ไม่มีการเก็บข้อมูลสินค้าเข้า-ออก
– สินค้าค้างสต๊อกจำนวนมาก
2.4 การสร้างมาตรฐานงาน
จากการใช้ระบบบอร์ดการมองเห็นเพื่อให้ธุรกิจชุมชนเห็นปัญหาและที่มา พร้อมทั้งทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังกล่าว โตโยต้าจึงได้ออกแบบฟอร์มและถ่ายทอดกระบวนการไคเซนไปสู่ธุรกิจชุมชน เพื่อให้ธุรกิจชุมชนสามารถทำการไคเซนได้ด้วยตัวเอง
- การบริหารงานประจำวัน (Daily Management)
เพื่อความยั่งยืนของการดำเนินโครงการ โตโยต้าจึงได้สร้างมาตรฐานการประชุมระหว่างฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ผลการดำเนินงาน
“รสวรรณ จงไมตรีพร” เจ้าของกลุ่มตัดเย็บเสื้อโปโล ฮาร์ท โอท็อป กล่าวว่า ก่อนที่โตโยต้าเข้ามาเราไม่ทราบเลยว่าต้องทำงานอย่างไร เดิมการทำงานของเรานั้นยุ่งเหยิง ทำงานไม่เป็นระบบ ส่งมอบงานลูกค้าไม่ทัน ไม่มีการวางแผนการผลิต แต่หลังจากโตโยต้าเข้ามาสอนวิธีการทำงานด้วยการไคเซนให้ ทำให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น มีการบริหารงานรายวันเพื่อติดตามงาม ทำให้ต้นทุนการบริหารธุรกิจลดลงอย่างเห็นได้ชัด พนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
“กาญจนดา จันทร์สงวน” หัวหน้าฝ่ายผลิตกลุ่มตัดเย็บเสื้อโปโล ฮาร์ท โอทอป กล่าวว่า หลังจากโตโยต้าเข้ามาปรับปรุงระบบการทำงาน เรามีการทำงานที่เป็นระบบและเป็นมืออาชีพมากขึ้น ทำให้มีออเดอร์เข้ามามากกว่าเมื่อก่อน คุณภาพชีวิตในโรงงานดีขึ้น รายได้ของพนักงานมากขึ้น
“รัชนู น้อยเผ่า” ตัวแทนพนักงาน กล่าวว่า ก่อนที่โตโยต้าเข้ามาเรามีการทำงานที่ยุ่งเหยิงไม่เป็นระบบ ไม่มีการวางแผนการผลิตเพื่อส่งมอบงานให้ลูกค้า ทำให้ส่งงานล่าช้า แต่หลังจากที่ได้นำระบบการทำงานของโตโยต้าเข้ามาใช้แล้ว พวกเราทำงานกันเป็นระบบมากขึ้น
มอบ “ไคเซน” คือ CSI
หลังการพาเยี่ยมชมผลสำเร็จของโครงการนำร่องแล้ว “สุรศักดิ์” กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า ไคเซน คือคำภาษาญี่ปุ่น คือการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นหัวใจหลักของ TPS ของโตโยต้า โดยโตโยต้าประเทศญี่ปุ่นทำมาแล้ว 77 ปี ด้วยหลักการแบบนี้ เปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป ข้อดีคือ มันไม่ได้เป็นทฤษฎีอะไรซับซ้อนหรือเยอะแยะ ฉะนั้น ชาวบ้านน่าจะเข้าใจได้ง่าย และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะฉะนั้นเวลาเราเข้าไปปรับปรุงเขา เขาก็จะค่อยๆ เรียนรู้ และเมื่อทำจนกระทั่งเป็นวัฒนธรรมแล้ว มันจะเติบโตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ทั้งหมดนี้คือหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน คือการนำเอาองค์ความรู้จากองค์กรที่ประสบความสำเร็จนำไปมอบให้ชุมชน พัฒนาสังคม และเติบโตไปพร้อมกัน ตรงกับหลักการของการทำ CSI ซึ่งตรงนี้ถือว่า “โตโยต้า” ขยับตัวได้เร็วกว่าองค์กรอื่นๆ และเชื่อว่าหลังจากโครงการนำร่องต่างๆ นี้ประสบความสำเร็จ น่าจะทำให้หลายบริษัทเห็นความสำคัญของการทำ CSI เพิ่มขึ้นจากที่ดำเนินงานแบบ CSR แบบเดิมๆ
ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อการศึกษา
– CSR กับเศรษฐกิจชุมชน วันนี้พวกเราทำดีพอแล้วหรือยัง
– วิเคราะห์ความล้มเหลวของธุรกิจชุมชน เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและประเทศของเรา