SMEs ฟังทางนี้! สิ่งใกล้ตัว ช่วยเพิ่มเงินทุนหมุนเวียนได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน

  • 84
  •  
  •  
  •  
  •  

tmb-sme-1

ปัจจุบันธุรกิจ SMEs ไทยมีราว 2.8 ล้านราย ซึ่งถือได้ว่าเป็นธุรกิจรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ แต่การจะสร้างให้รากฐานแข็งแกร่งและเติบโตได้อย่างอย่างมั่นคงนั้น การขยายธุรกิจ หรือเติบโตต่อไปจะต้องใช้เงินทุน ซึ่งปัญหาหลักของ SMEs คือการขอเงินทุนแต่ละครั้ง สถาบันการเงินต้องขอให้มีหลักประกันเพื่อนำมาค้ำประกันเงินกู้ แต่ว่า SMEs มักมีหลักประกันจำกัด

รัฐบาลเห็นปัญหาและให้ความสำคัญของการดำเนินธุรกิจ SMEs จึงได้ผ่านกฎหมาย พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 ซึ่งมีผลบังคับแล้วเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2559 ที่ผ่านมา

กฎหมายฉบับนี้ช่วย SMEs อย่างไร?

กฎหมายฉบับนี้อนุญาตให้ผู้ประกอบการ SMEs สามารถนำ “ทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ” 5 กลุ่ม ที่มีอยู่ในการประกอบกิจการมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน และใช้ทรัพย์สินนั้นไปผลิตเป็นสินค้าหรือบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้ ผิดจากเดิมที่ต้องใช้หลักทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ที่มีทะเบียนบางประเภทเท่านั้น เช่น บ้าน ที่ดิน หรือโรงงาน เป็นต้น ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นหลักประกันในการขอกู้เงิน

สำหรับ 5 กลุ่ม ทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ มีดังนี้

1. กิจการ หมายถึง ทรัพย์สินที่ผู้ให้หลักประกันใช้ในการประกอบธุรกิจและสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจ เพราะฉะนั้นผู้ประกอบการจึงสามารถนำทั้งหมดหรือบางส่วนของ “กิจการ” ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน โกดัง โรงงาน สิ่งปลูกสร้าง วัตถุดิบและสินค้าคงคลัง รวมทั้งสิทธิต่างๆ สิทธิตามสัญญาตัวแทนจำหน่าย สิทธิตามสัญญาเช่า สิทธิตามสัญญารับเหมาก่อสร้าง หรือสัญญาซื้อขายระยะยาว มาใช้เป็นหลักประกันได้

2. สิทธิที่จะได้รับเงิน เช่น สิทธิในเงินฝาก สิทธิการได้รับชำระเงินค่างานเป็นงวดๆ สิทธิที่จะได้รับเงินตามสัญญาซื้อขายหรือใบเรียกเก็บเงิน (invoice)  เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานของทางราชการซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักจะไม่มีหลักประกันที่เป็นอสังหาริมทรัพย์มากนัก ก็สามารถใช้สิทธิในการรับเงินจากราชการ สัญญารับจ้างหรือสัญญาการค้าขายกับราชการมาใช้เป็นหลักประกันได้

3. สังหาริมทรัพย์ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าค้าคงคลัง หรือวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้า ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่มีลักษณะหมุนเวียนเปลี่ยนมือได้ตลอดเวลา เช่น ธุรกิจตัดเย็บเสื้อผ้าสามารถนำเสื้อผ้าที่ผลิตแล้วมาเป็นหลักประกันสินเชื่อได้

4. อสังหาริมทรัพย์ในกรณีที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยตรง เช่น โครงการหมู่บ้านจัดสรรนำบ้านในโครงการมาเป็นหลักประกัน หรือโครงการคอนโดมิเนียมอาคารชุดอพาร์เมนต์สามารถนำอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมาเป็นหลักประกันได้

5. ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายรับรองต่างๆ

กล่าวพอสรุปได้ว่า กฎหมายตัวนี้จะเข้ามาช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กของไทย ช่วยปิดจุดอ่อนและสร้างทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนซึ่งถือเป็นปัญหาหลักของ SMEs ไทยในช่วงที่ผ่านมาได้

ดังนั้น เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของรัฐบาล พร้อมทั้งเล็งเห็นถึงความสำคัญที่จะช่วยธุรกิจ SMEs ไทยให้เติบโต TMB จึงได้ออก “สินเชื่อ TMB SME 3 เท่า พร้อมเพิ่ม” ซึ่งนับเป็นธนาคารแห่งแรกที่ขานรับนโยบายส่งเสริม SMEs ไทยผ่านกฎหมายนี้อย่างรวดเร็ว

tmb-sme-2

สำหรับ “สินเชื่อ TMB SME 3 เท่า พร้อมเพิ่ม” สามารถให้ผู้ประกอบการใช้สิ่งของที่มีอยู่ใกล้ คือ ลูกหนี้การค้า สต็อกสินค้า เครื่องจักร ซึ่งเป็นหลักประกันรูปแบบใหม่ ตามกฎหมายหลักประกันมาจดทะเบียนกับธนาคารได้ โดยจะได้รับประโยชน์ ดังนี้

  • ให้วงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์
  • เมื่อนำลูกหนี้การค้า สินค้าคงคลัง เครื่องจักรมาจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจกับ TMB ให้วงเงินเพิ่มอีก 10%
  • วงเงินส่วนเพิ่มจากการจดทะเบียนหลักประกันทางธุรกิจสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท
  • ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง มีโอกาสรับเงินทุนเพิ่มได้อีก แค่เดินบัญชีสม่ำเสมอกับ TMB

tmb-3

ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ น่าจะเป็นตัวช่วย “ปลดล็อค” ข้อจำกัดด้านหลักประกันของ SMEs ไทยได้ โดยมี “สินเชื่อ TMB SME 3 เท่า พร้อมเพิ่ม” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผลักดันให้เห็นเป็นรูปธรรมและชัดเจนยิ่งขึ้น และถ้าสนใจจะลงทะเบียนหรือหารายละเอียดเพิ่มเติมก็สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ http://bit.ly/2dr9LCo


  • 84
  •  
  •  
  •  
  •