กลายเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญของแวดวงธุรกิจสื่อสารและเทคโนโลยีดิจิทัล เมื่อ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ประกาศควบรวมกิจการ เพื่อเพื่อลดความซ้ำซ้อนของโครงสร้างการถือหุ้นและต่อยอดโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงาน & โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจดิจิทัล โดยจะมีการจัดตั้งเป็นบริษัทใหม่ NewCo
เมื่อ 2 ธุรกิจโคจรมาพบกัน
แต่กว่าที่ทั้ง 2 บริษัทจะก้าวมาสู่ขั้นตอนดังกล่าว มีเส้นทางการลงทุนในหลายวาระโดยเริ่มต้นไล่เรียงจากการเข้ามาของ SingTel ภายใต้กลุ่ม Temasek Holdings ที่มาจากสิงคโปร์ และนำไปสู่จุดเริ่มต้นของบริษัท INTUCH ที่มีบริษัทลูกอยู่ภายใต้การดูแล โดยเฉพาะ AIS ที่เป็นธุรกิจด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยีดิจิทัลรายใหญ่ของประเทศไทย ยิ่งเมื่อโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัล AIS ก็ยิ่งมีศักยภาพเติบโตมากขึ้น รวมไปถึงมูลค่าแบรนด์และธุรกิจที่เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ GULF ก็เป็นธุรกิจด้านพลังงานเอกชนรายใหญ่ที่ถือเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดด้านพลังงานของไทย แต่ด้วยโลกของเทคโนโลยีเข้าสู่ทุกธุรกิจไม่เว้นแม้แต่ธุรกิจด้านพลังงานที่จำเป็นต้องมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริมธุรกิจ ทำให้ GULF ต้องทรานส์ฟอร์มธุรกิจไปสู่ Digital Infrastructure และการทรานส์ฟอร์มที่รวดเร็วที่สุดคือเข้าซื้อธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ
หากพูดถึงธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลก็ต้องนึกถึง AIS แต่ด้วยมูลค่าของแบรนด์และธุรกิจทำให้การเข้าซื้อธุรกิจของ AIS ทำได้ยากมาก ทำให้ GULF หันมาใช้วิธีการที่เร็วกว่า ง่ายกว่า ด้วยการเข้าซื้อบริษัทแม่หรือ INTUCH มากกว่า 50% ซึ่งจะทำให้ GULF สามารถเข้าควบคุม AIS ได้และสามารถเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของ AIS ได้ตามหลัก Chain Principle
ไล่เต๊าะซื้อทีละนิดเพื่อเข้าซื้อทั้งหมด
เรื่องการเข้าซื้อหุ้นของ INTUCH โดย GULF ไม่ได้เกิดขึ้นมาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา แต่มีการเข้าซื้อหุ้นแบบทยอยเข้าซื้อที่น้อยจนกลายเป็นการเข้าซื้อหุ้นจำนวนมาก
- โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน 2563 ที่ GULF เริ่มเปิดฉากการเข้าซื้อหุ้นแบบเก็บเล็กผสมน้อยโดยครั้งแรกเป็นการเข้าซื้อหุ้น INTUCH ในสัดส่วนเพียง 4.59%
- จนอีกไม่กี่เดือนต่อมาในช่วงเดือนสิงหาคม 2563 ก็มีการเข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติมอีกจนมีสัดส่วนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 7.99%
- ไม่นานช่วงเดือนตุลาคม 2563 ก็มีการเข้าซื้อหุ้น INTUCH อีกระลอกในจำนวนที่น้อยแต่ก็เพิ่มสัดส่วนหุ้นขึ้นมาเป็น 10.00%
- จนช่วงเดือนมกราคม 2564 ก็ยังคงมีการเข้าซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มเติมอีกเล็กน้อย แต่ก็เพิ่มสัดส่วนของหุ้นขึ้นมาอยู่ที่ 15.00%
- จนกระทั่งช่วงเดือนเมษายน 2564 ข่าวการซื้อหุ้นของ INTUCH ก็เริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อ GULF เสนอที่ประชุมเพื่อลงทุนในหุ้นสามัญทั้งหมดของ INTOUCH โดยเสนอซื้อหลักทรัพย์โดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไขก่อนการทำคำเสนอซื้อ (Conditional Voluntary Tender Offer) ในราคาหุ้นละ 65.00 บาท จนเพิ่มสัดส่วนของหุ้นขึ้นมาอยู่ที่ 18.93%
- ต่อมา GULF ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยถึงการทำ Tender Offer เข้าซื้อหุ้นของ INTUCH ในช่วงวันที่ 29 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2564 โดยสามารถซื้อหุ้นไปได้ทั้งสิ้น 747.87 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 23.32% ส่งผลให้ GULF มีจำนวนหุ้น INTUCH ถือครองรวมอยู่ที่ 42.25% ส่งผลให้ GULF กลายเปhนผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ INTUCH
จะเห็นได้ว่าการเข้าซื้อหุ้น INTUCH ของ GULF จะเป็นการซื้อแบบค่อยเป็นค่อยไปทีละเล็กทีละน้อย จนกระทั่งมีจำนวนหุ้นค่อนข้างมาก
เป้าหมายสู่การจัดตั้งบริษัทใหม่ NewCo
ไม่เพียงแค่การเข้าถือหุ้นสัดส่วนใหญ่ของ INTUCH แล้ว ล่าสุด GULF ได้แจ้งต่อคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยระบุถึงมติที่ประชุมกรรมการโดยระบุว่า คณะกรรมการมีมติให้อนุมัติเข้าทำธุรกรรมการควบบริษัทระหว่าง GULF และ INTUCH ซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสองบริษัทหมดสภาพจากการเป็นนิติบุคคล และเกิดเป็นนิติบุคคลใหม่ที่มีชื่อว่า NewCo
โดย NewCo จะได้ทั้งทรัพย์สิน หนี้ สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบของ GULF และ INTUCH ทั้งหมด 1 หุ้น GULF ต่อ 1.02974 หุ้นใน NewCo และ 1 หุ้น INTUCH ต่อ 1.69335 หุ้นใน NewCo โดยไม่รวมหุ้น 47.37% ที่ GULF ถือหุ้น INTUCH ก่อนหน้านี้ และบริษัท NewCo จะต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดโดยสมัครใจแบบมีเงื่อนไข (Conditional Voluntary Tender Offer หรือ VTO) ของทั้งบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) หรือ AIS และบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน)
โดยมี นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ GULF มหาเศรษฐีของไทยในอันดับ 3 และอยู่ในอันดับที่ 141 จากนิตยสาร Forbes ในปี 2023 และ Singtel Strategic Investments Pte. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ AIS ร่วมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการวางแผนการจัดตั้งบริษัทใหม่ NewCo ตั้งแต่
- ประมาณวันที่ 3 ตุลาคม 2567 จะมีการประชุมผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH เพื่อพิจารณาอนุมัติธุรกรรมการปรับโครงสร้างฯ
- ช่วงประมาณไตรมาส 4 ของปี 2567 จะมีการส่งหนังสือแจ้งมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวไปยังเจ้าหนี้ของ GULF และ INTUCH ภายใน 14 วันนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติธุรกรรมการปรับโครงสร้างฯ
- ช่วงเวลาเดียวกันประมาณไตรมาส 4 ของปี 2567 จนถึงไตรมาสแรกของปี 2568 จะมีการดำเนินธุรกรรมการทำ VTO ใน AIS และธุรกรรมการทำ VTO ใน THCOM รวมถึงการประชุมผู้ถือหุ้นและออกเสียงคัดค้านธุรกรรมการควบบริษัท
- ช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 คณะกรรมการบริษัทของ INTUCH พิจารณาเงินปันผลพิเศษ และกำหนดสิทธิผู้ถือหุ้นของ INTUCH ที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลพิเศษ (Record Date)
- ช่วงเวลาเดียวในไตรมาสแรกของปี 2568 ทำการหยุดพักการซื้อขายหุ้นของ GULF และ INTUCH เพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นใน NewCo และประชุมผู้ถือหุ้นร่วมของผู้ถือหุ้นของ GULF และ INTUCH
- ช่วงไตรมา 2 ของปี 2568 ดำเนินการจดทะเบียนการควบบริษัท และยื่นคำขอให้รับหุ้นของ NewCo เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
แน่นอนว่า ดีลใหญ่นี้จะช่วยให้ GULF สามารถควบคุมดูแลและบริหารจัดการธุรกิจภายในเครือมากขึ้น เพราะบริษัทใหม่ NewCo จะกลายเป็นบริษัทแม่ที่จะเข้ามาดูแลกิจการต่างๆ ในเครือ และจะส่งผลให้ NewCo กลายเป็นกลุ่มบริษัทพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานรวมถึงยังเป็นกลุ่มบริษัทดิจิทัลระดับภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ก่อนหน้านี้ GULF เริ่มเข้าสู่ธุรกิจ Digital Asset ผ่าน Binance
งานนี้ต้องจับตาก้าวต่อไปของ GULF และการเติบโตของ NewCo จะออกมาในรูปแบบไหน แต่ยังไงก็เรียกได้ว่างานนี้…ใหญ่แน่นอน!!!