เวลานี้ไม่พูดถึงคงไม่ได้ สำหรับรายการ “The Mask Singer” หรือ “หน้ากากนักร้อง” รายการประกวดร้องเพลงที่กระตุ้นต่อมอยากรู้ของคนดูได้ตลอดรายการ ออกอากาศทุกวันพฤหัส เวลา 20.00 น. เป็นรายการที่ บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ซื้อลิขสิทธิ์มาจากประเทศเกาหลี รูปแบบรายการจะเป็นการประกวดร้องเพลง ที่จับเอาคนดังในแวดวงต่างๆ มาใส่หน้ากาก แบ่งออกเป็น 4 กรุ๊ป แล้วแข่งขันกันโดยใช้คะแนนโหวตจากคณะกรรมการ และคนดูในห้องส่งเพื่อหาผู้ชนะ ผู้แพ้ต้องถอดหน้ากาก เผยตัวจริงของตัวเอง
จุดที่กระตุ้นต่อมอยากรู้ของผู้ชมมากที่สุด คือ เมื่อผู้แพ้ถอดหน้ากากเพื่อเปิดเผยตัวจริง เพราะผู้เข้าแข่งขันแต่ละรายที่ทีมงานเชิญมานั้น สร้างเซอร์ไพรส์ให้ผู้ชมได้จริงๆ อาทิ หน้ากากนกฟินิกซ์ จ๊ะจ๋า พริมรตา เดชอุดม นักแสดงสาวที่หลายไม่รู้มาก่อนว่าร้องเพลงเพราะขนาดนี้, หน้ากากระฆัง อาร์ม กรกันต์ สุทธิโกเศศ ผู้ประกาศข่าวของเวิร์คพอยท์ และนักแสดงละครเวที หรือ แปม ศิรภัสรา สินตระการผล (แปม ไกอา) ภายใต้หน้ากากโพนี่ และที่กำลังเป็นประเด็นคาดเดากันอยู่ “หน้ากากทุเรียน” เจ้าของเสียงนุ่ม ไพเราะ ที่ออกอากาศไปตั้งแต่เทปแรกๆ จนถึงตอนนี้ก็ยังฟันธงไม่ได้ว่าใครคือเจ้าของหน้ากากทุเรียนตัวจริง
จากเดิมที่เคยตั้งเป้าเรตติ้งไว้ที่ 1.2 ตอนนี้รายการ The Mask Singer สามารถทำเรตติ้งทั่วประเทศแตะเลข 10 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขึ้นแท่นรายการที่มีเรตติ้งสูงสุดในเวลาไพรม์ไทม์
ในแต่ละสัปดาห์ที่ออกอากาศก็จะเกิดกระแสในโลกออนไลน์มากมาย ทั้งในเว็บไซต์ Pantip ที่มักจะมีกระทู้ทายว่าหน้ากากแต่ละคนคือใคร ใน Twitter ที่ #themasksingerthailand ติดเทรนด์อันดับ 1 ในช่วงที่รายการออกอากาศ และแทบจะไม่หลุดจาก Top 10 เลยตลอดทั้งสัปดาห์ ส่วนใน Facebook TheMaskSingerTH ทีมงานจะรายงานสด สร้าง Engagement กับผู้ชมตลอดรายการ
ความน่าสนใจของ The Mask Singer เวอร์ชั่นไทย คงหนีไม่พ้นความฮาอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งคณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขัน หรือแม้แต่พิธีกร ต่างก็ต่อมุกกันแบบไม่มีหยุด ใครที่เคยดูเวอร์ชั่นเกาหลี จะเห็นว่าคณะกรรมการจะวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง และซีเรียส แตกต่างจากของไทยฮาท้องแข็งกันทั้งรายการ
อีกเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ความใส่ใจและความละเอียดของทีมงาน ที่มักจะตอบสนองความต้องของการของผู้ชมอย่างรวดเร็ว อาทิ เมื่อผู้ชมขอคลิปผู้เข้าแข่งขันร้องเพลงเวอร์ชั่นไม่มีเสียงกรรมการ ทีมงานก็จัดให้ หรือทันทีที่รายการจบ คลิปย้อนหลังใน YouTube ก็ถูกอัปโหลดอย่างรวดเร็ว ทำให้คนที่ไม่ได้ดูสด สามารถดูย้อนหลังได้ทันที โดยไม่ต้องโดนสปอยก่อน ในส่วนของหน้ากาก เวอร์ชั่นไทยทีมงานก็จัดเต็มตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ใช่เฉพาะส่วนหน้ากากเท่านั้น แต่ละชุดถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี
เพื่อความสนุกของรายการ ทุกอย่างจึงต้องเป็นความลับ
เมื่อมาถ่ายรายการ หน้ากากต้องจอดรถใต้สตูดิโอ บอดี้การ์ดจะเข้าไปรับ และคลุมใบหน้าให้อย่างมิดชิด รวมถึงผู้ติดตามก็ต้องมีการปิดหน้าตาด้วย
ระหว่างที่มาถ่ายรายการ หน้ากากแต่ละท่านจะถูกเก็บตัวอยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา อาหารจะเสิร์ฟให้ทานคนเดียวในห้อง และมีบอดี้การ์ดคอยไปเฝ้าเมื่อจะไปทำธุระที่ห้องน้ำ
ทีมงานตั้งใจปรับเครื่องแปลงเสียงให้หน้ากากทุกท่าน เพื่อให้เสียงพูดต่างจากความจริงและเดาจากเสียงพูดได้ยากที่สุด
ก่อนที่หน้ากากจะถูกถอดออกในวันอัดรายการ มีเพียงทีมงานไม่ถึง 10 คนเท่านั้นที่รู้ว่าใบหน้าหลังหน้ากากเป็นใคร
ระหว่างที่อยู่ในห้องอัด ผู้ชมจะต้องฝากโทรศัพท์มือถือไว้กับทีมงานชั่วคราว *ส่วนโทรศัพท์มือถือที่เห็นในรายการเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการโหวตเท่านั้น
ผู้ชมในห้องอัดทุกคนจะถูกเก็บข้อมูลส่วนตัวโดยละเอียด และต้องเซ็นสัญญาว่าจะไม่แพร่งพรายความลับ
ทีมงานทุกคนที่รู้ความลับ จะต้องเซ็นสัญญาไม่เปิดเผยความลับเช่นกัน ตั้งแต่ระดับโปรดิวเซอร์ คอสตูม แต่งหน้า ตากล้อง ตัดต่อ ไปจนถึงป้าแม่บ้าน
หากใครเปิดเผยข้อมูลก่อนเทปออกอากาศ บริษัทสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้จริง
จนถึงตอนนี้ ในโลกโซเชียลมีผู้อ้างว่ารู้ความลับเพราะไปดูในห้องอัดจำนวนหลายราย ทีมงานได้ตรวจสอบบุคคลทุกคนที่ได้รับแจ้งมาอย่างละเอียด ซึ่งยังพบว่าเป็นการแอบอ้างทั้งหมด
ด้วยคอนเซปต์รายการ ความใส่ใจของทีมงาน การใช้สื่อออนไลน์ และออฟไลน์ได้อย่างลงตัว ทำได้ให้รายการ The Mask Singer เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในช่วงเวลานี้ ทั้งนี้ รายการ The Mask Singer จะจบซีซั่นแรกในเดือนมีนาคม และคาดว่าซีซั่น 2 จะตามมาในเร็วๆ นี้
ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.facebook.com/pg/TheMaskSingerTH