Thai Beverage ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้าง อาชา และ Federbrau เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินการตลาดในปีหน้านี้ ต้องทำงานมากขึ้นและดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันมีการพิจารณาใช้งบการตลาดอย่างรอบคอบ โดยอาจตัดงบหรือใช้งบการตลาดเท่าเดิม ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวเพื่อรองรับกับสถานการณ์ตลาดเบียร์มูลค่า 1 แสนล้านบาท ในปีหน้านี้มีแนวโน้มหดตัวลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้การแข่งขันมีความรุนแรง โดยเฉพาะการโตจากการส่วนชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่ง และคาดว่าจากภาวะเศรษฐกิจทำให้เบียร์อีโคโนมี่เป็นเซกเมนต์ที่มีอัตราการเติบโตมากที่สุด
“ในปีหน้านี้ยอดขายจะมีอัตราการเติบโตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจ แต่เศรษฐกิจจะเติบโตหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งสิ่งที่บริษัทมีความกังวล คือ เสถียรภาพทางการเมือง” – นายชาลี จิตจรุงพร รองผู้อำนวยการสำนักการตลาด บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
สำหรับกลยุทธ์ตลาดบริษัทใช้ความแข็งแกร่งของ Portfolio ที่ครอบคลุม ประกอบด้วย เบียร์ Federbrau เซกเมนต์พรีเมียม ช้าง เซกเมนต์ Economy ช้างดราฟท์ และอาชา เป็นต้น โดยการทำตลาด Federbrau ปีหน้าโฟกัสกลุ่มเป้าหมายให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยจะเจาะกลุ่มอายุ 30ปีขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังการซื้อสอดคล้องกับสินค้า จากเดิมก่อนหน้ากลุ่มเป้าหมายกว้างอายุระหว่าง 22-35ปี ทั้งนี้หลังจากเปิดตัวขณะนี้เฟดเดอร์บรอยค่อยๆ เติบโต โดยหลังจากเปิดลานเบียร์เฟดเดอร์บรอย ส่งผลให้การรับรู้แบรนด์เพิ่มขึ้น แต่ในแง่ส่วนแบ่งยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย จากเดิมตั้งเป้ามีส่วนแบ่ง 2-3% อย่างไรก็ตามจากการดำเนินการตลาดปีหน้าตั้งเป้าส่วนแบ่ง 5% โดยปัจจุบันไฮเนเก้นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 95% ในตลาดเบียร์พรีเมียมมูลค่า 9,500ล้านบาท
นายชาลี ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงต้นปีบริษัทจะดำเนินกิจกรรมการตลาดช้างดราฟท์ ซึ่งล่าสุดมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านทางรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันบริษัทจะดำเนินการตลาดเบียร์ช้างในเชิงรุกมากขึ้น เพราะเป็นเซกเมนต์ที่เติบโตและสอดคล้องกับกำลังการซื้อของผู้บริโภค ด้านตลาดเบียร์ในช่วงไฮซีซั่นหรือฤดูกาลจำหน่ายสินค้าในปีนี้ ไม่มีอัตราการเติบโตเมื่อเทียบกับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังตั้งแต่ช่วงต้นปี แม้ว่าจะกลับมาใช้จ่ายในช่วงปลายปีก็ไม่สามารถทดแทนได้