ในช่วงวันพระใหญ่นี้ ห้างสรรพสินค้าคือแหล่งรวมของพุทธศาสนิกชนที่มาหาซื้อของทำบุญในช่วงเข้าพรรษานี้ หลายคนเตรียมตัวซื้อของทำบุญเพื่อถวายผ้าอาบน้ำฝน นั่นย่อมหมายถึงจำนวนผู้คนมากมายที่แห่ไปซื้อของในห้างสรรพสินค้า ยังไม่รวมกลุ่มคนที่หาซื้อของเพื่อเตรียมตัวเดินทางท่องเที่ยว จนเกิดเป็นภาพที่เห็นชินตากับการต่อแถวเพื่อจ่ายเงินบริเวณช่องแคชเชียร์
และถือเป็นเรื่องปกติเมื่อถึงช่วงเทศกาลสำคัญหรือช่วงวันหยุดยาว ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ห้างสรรพสินค้าต่างหาทางแก้ไข พร้อมๆ กับเพิ่มประสบการณ์ใหม่ๆ ในการจับจ่ายใช้สอย ยิ่งในช่วงที่เทคโนโลยีเข้ามา Disrupt ธุรกิจห้างสรรพสินค้า
เทสโก้ โลตัส (Tesco Lotus) ถือเป็นห้างที่มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วห้างหนึ่ง และวันนี้มีโอกาสมาเดินช้อปที่ห้างโลตัสสาขาพระราม 3 แล้วก็ได้พบกับของเล่นใหม่ที่ช่วยให้การช้อปสนุกสนานมากยิ่งขึ้น
หลายคนคงอาจจะเคยเห็นแล้วกับมุม “สแกนแล้วช้อป” ที่บริเวณทางเข้าพื้นที่ของซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งจะปรากฏอุปกรณ์ที่มองไกลๆ แล้วบางคนก็ว่าเหมือนทัพพีตักข้าว บางคนก็ว่าเหมือนด้ามจับอะไรซักอย่าง เพราะในความเป็นจริงแล้วสิ่งนี้คืออุปกรณ์ในการสแกนบาร์โค้ด (Barcode Scanner) สำหรับคนที่ต้องการใช้อุปกรณ์นี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมี “คลับการ์ด” เพราะต้องใช้บาร์โค้ดของคลับการ์ดในการเปิดอุปกรณ์เครื่องสแกนบาร์โค้ด
เมื่อสแกนบาร์โค้ดของคลับการ์ดแล้ว อุปกรณ์ที่สามารถใช้งานได้หน้าจอจะสว่างขึ้นมา จากนั้นเมื่อต้องการซื้อสินค้าก็เพียงกดปุ่มที่เครื่องสแกน ซึ่งจะปรากฏแสงสีแดงขึ้นโดยต้องนำบาร์โค้ดของสินค้ามาอยู่ในพื้นที่แสงสีแดงจนกว่าจะมีเสียง “ปิ๊บ”
จากนั้นเครื่องสแกนก็จะแสดงชื่อผลิตภัณฑ์ ขนาด รุ่น รวมไปถึงราคาของสินค้านั้น และหากต้องการซื้อสินค้ามากกว่า 1 ชิ้นขึ้นไปก็สามารถกดบวกเพิ่มได้ตามจำนวนที่ต้องการที่บริเวณด้านบนหน้าจอเครื่องสแกนบาร์โค้ด
ในกรณีที่ไม่ต้องการซื้อสินค้านั้นหรือต้องการคืนสินค้านั้น ก็สามารถทำได้ง่ายเพียงเลือกฟังก์ชั่น “เอาออก” ที่บริเวณมุมขวาด้านล่างของหน้าจอเครื่องสแกน จากนั้นก็สแกนบาร์โค้ดของสินค้าที่ไม่ต้องการซื้อ ซึ่งจะเท่ากับว่าสินค้าชิ้นนั้นไม่เคยถูกหยิบใส่รถเข็น
หรือหากต้องการตรวจสอบรายการสินค้าที่ช้อปไปก็สามารถเลือกฟังก์ชั่น “รายการในรถเข็น” ที่บริเวณมุมด้านซ้ายล่างของหน้าจอเครื่องสแกน โดยเครื่องจะบอกจำนวนสินค้า รายการสินค้าและราคารวมได้อย่างละเอียดทันที
เมื่อช้อปเสร็จแล้วก็สามารถไปยังช่องแคชเชียร์ที่ทางห้างกำหนดไว้สำหรับเครื่องสแกนบาร์โค้ด โดยเจ้าหน้าที่แคชเชียร์จะทำการสแกนไปที่เครื่องสแกนบาร์โค้ดอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะปรากฏจำนวนสินค้าและมูลค่ารวมที่ต้องจ่ายที่เครื่องของแคชเชียร์ทันที โดยไม่ต้องหยิบสินค้าขึ้นมาสแกนใหม่ทีละชิ้น
ของทุกอย่างมีข้อดีก็ย่อมมีข้อด้อย เพราะจากการลองใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ดนี้แล้ว แม้จะช่วยให้ลดการหยิบสินค้ามาสแกนทีละชิ้นเพื่อลดเวลาการชำระเงิน แต่สุดท้ายก็ต้องนำสินค้าขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่แคชเชียร์ทีละชิ้นเพื่อใส่ถุงอยู่ดี อีกทั้งหากจำนวนเจ้าหน้าที่แคชเชียร์มีน้อยกว่าผู้ใช้เครื่องสแกนบาร์โค้ด ลูกค้าก็ยังคงต้องต่อแถวยาวอยู่ดี
นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยอีกว่า หากนำสินค้าที่ไม่ได้ยิงด้วยเครื่องสแกนใส่เข้าไปไว้ในรถเข็น
แคชเชียร์จะทราบหรือไม่ว่ามีสินค้าที่ไม่รวมอยู่ในรายการอยู่ด้วย?
ซึ่งทาง Marketing Oops! จะหาคำตอบมาให้ในเร็วๆ นี้
