ในปี 2020 ที่เรียกได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของ Covid-19 กระจายไปทั่วทุกมุมโลก มาตรการ Social Distancing ก็ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด รวมไปถึงมาตรการทำงานที่บ้าน (Work from Home) ส่งผลให้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน รวมไปถึงการถือกำเนิดของเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แอปฯ การประชุมออนไลน์อย่าง Zoom รวมภปถึงการเติบโตเพิ่มขึ้นของ Video Online Streming
นอกจากนี้สถานการณ์โรคระบาดยังส่งผลต่อยอดขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้กลับฟื้นตัวขึ้นมา หลังซบเซาเมื่อถูกตลาด Smartphone และ Tablet เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด เนื่องจากประสิทธิภาพที่สูงกว่าและหน้าจอที่ใหญ่กว่าเมื่อต้องทำงานเป็นเวลานาน ที่สำคัญยังสามารถดึงตลาดเกมคอนโซลที่ตกต่ำหลังตลาดเกมออนไลน์เข้ามากลืนกินตลาดให้กลับมาฟื้นตัวและสร้างกำไร เพราะหลายคนต้องการความบันเทิงเมื่อต้องกักตัวอยู่ในบ้าน
แต่ดูเหมือนสถานการณ์เหล่านั้นกำลังค่อยๆ หายไป เนื่องจากเมื่อเทียบยอดขายไตรมาส 2 ของปีนี้กับปีที่ผ่านมาพบว่ายอดขายลดลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในปีที่แล้วผู้คนยังใหม่ต่อการรับมือการระบาด ขณะที่ในปีนี้วัคซีนถูกกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ทำให้บางประเทศเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนช่วงก่อนการแพร่ระบาดโรคติดต่อ รวมไปถึงหลายธุรกิจเริ่มอนุญาตให้กลับเข้ามาทำงานตามปกติ
อย่างเช่นที่ Apple คาดว่าการเติบโตในลักษณะเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2020 จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคลดลง และผลพวงจากความต้องการเมื่อปีที่ผ่านมาที่ปรับตัวสูงขึ้นและปัญหาจากวัตถุดิบทำให้เกิดการขาดแคลนชิป และส่งผลกระทบต่อยอดขาย iPhone และ iPad แม้ว่า Apple ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการจัดการซัพพลายเชนก็ยังต้องประสบปัญหาการขาดแคลนชิป
ด้าน Amazon มีการรายงานถึงรายได้ที่ขาดหายไปและชี้ให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจกำลังจะชะลอตัวลดลงจากในปี 2020 แม้ว่าตามรายงานผลประกอบการ Amazon จะปิดรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1 แสนล้านดอลดาร์ แต่ก็ไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาใช่วงเวลาเดียวกัน โดย CFO ของ Amazon กล่าวอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้อัตราการเติบโตได้ลดลงอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ถึงอย่างนั้น Amazon ก็คาดการณ์การเติบโตในไตรมาส 3 จะอยู่ที่ 2 หลัก
ขณะที่ Facebook ให้จับตารายได้ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก Facebook เป็นอีกบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่ชี้ว่า ทั่วโลกส่วนใหญ่ได้ผ่านพ้นจุดสูงสุดของวิกฤติโรคระบาดครั้งใหญ่ไปแล้ว และคาดว่าการเติบโตของยอดขายโฆษณาในไตรมาสที่สามของปีนี้อาจจะชะลอตัวลดลง แต่ Facebook ก็ยังคาดการณ์การเติบโตในไตรมาส 3 ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 31%
ในส่วนของ Nintendo โชว์ผลกำไรลดลง 13% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้ ขณะที่ช่วงไตรมาสแรกของปีงบการเงินมีรายได้อยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านเยน หรือราว 843 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากไตรมาสแรกปีที่แล้ว 1.06 แสนล้านเยน เมื่อเฉลี่ยนยอดขายรายไตรมาสจะลดลงประมาณ 10% ส่วนยอดขายเครื่อง Switch ลดลงเกือบ 22% เหลือเพียง 4.45 ล้านเครื่องในไตรมาส 2 เนื่องจากกิจกรรมตามปกติเริ่มกลับมาเหมือนเดิมหลังมีการฉีดวัคซีนกระจายมากขึ้น
ทั้งนี้ยังมีอีกหลายบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังเผชิญกับรายได้ที่ลดลง หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดในหลายพื้นที่ทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายลง เนื่องจากการฉีดวัคซีนที่กระจายมากขึ้น แต่นังลงทุนต้องจับตาการระบาดครั้งใหม่ที่มีแนวโน้มจะกลับมารุนแรงทั่วโลกอีกครั้ง แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักวิเคราะห์ชี้ว่า อาจไม่ส่งผลต่อรายได้ธุรกิจเหมือนช่วงเมื่อปีที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
Source: CNBC , Japan Today