เปลี่ยนภาพ “Street Food” ยกระดับสู่ซองขนม
นอกจากการเปลี่ยนภาพขนมปลาเส้นสู่แบบอบกรอบของ TARO ความท้าทายสำคัญของโปรดักท์นี้ยังอยู่ที่การเปลี่ยนภาพวัตถุดิบอย่าง หมึกย่าง ไข่เค็ม และหม่าล่า ซึ่งเป็นอาหารแนว Street Food ให้เป็นขนมพร้อมกินที่มีรสชาติถูกใจคนไทย ผ่านคุณภาพของแบรนด์ TARO ที่ใช้เนื้อปลาแท้มาผลิตอย่างพรีเมี่ยม จนทำให้สามารถยกระดับสู่ความเป็น High Street Glam ได้อย่างเต็มขั้นอีกด้วย
การทำธุรกิจยุคนี้ สิ่งที่ควรให้ความสำคัญไม่ใช่เรื่อง “ยาก” หรือ “ง่าย” แต่อยู่ที่ลงมือทำหรือยัง เพราะความ “เร็ว” คือ “โอกาส” ที่ดีที่สุด ที่คนทำธุรกิจควรมี และประเด็นนี้ก็ไม่ได้มีเงื่อนไขผูกมัด…ว่าต้องทำเฉพาะในธุรกิจใหม่ หรือธุรกิจดั้งเดิม ช่วงนี้เราจึงได้เห็นแบรนด์ต่าง ๆ ครีเอทความแปลกใหม่และเติมสีสันให้กับตลาดในอุตสาหกรรมของตนเองออกมาเสมอ แม้แต่ธุรกิจ “ขนม”
หากยกตัวอย่างการใช้รูปแบบใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดของธุรกิจ Snack ช่วงนี้ต้องมีชื่อ “TARO” ผุดขึ้นมาอย่างแน่นอน เพราะเพิ่งสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการเปิดตัวโปรดักท์ประเภทอบกรอบไปอย่างอลังการ
เป็น “แบรนด์ขนม” ก็เก๋ได้! จับไอเดีย “High Street” กับ “Glam” อยู่ด้วยกัน
อีกความน่าสนใจของแคมเปญดังกล่าว คือการที่ TARO จัดงานเปิดตัวโปรดักท์ด้วยภาพลักษณ์ใหม่อย่าง “High Street Glam Night Party” ไปเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งใช้ไอเดีย Mix & Match ระหว่าง High Street และ Glam รวมถึงรสชาติความเป็น Street Food ของโปรดักท์ เพื่อสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างตรงจุด
ถ้าขยายความเรื่องนี้ จะเห็นความตั้งใจของแบรนด์ TARO ที่ต้องการสื่อสารกับผู้บริโภคว่า ขณะนี้แบรนด์ได้ขยายโปรดักท์ใหม่ในกลุ่มอบกรอบ อีก 2 รสชาติ ได้แก่ “รสหมึกย่าง ฮอตแอนด์สไปซี่” และ “รสไข่เค็มหม่าล่า” ซึ่งนอกจากความกรอบ อร่อย กินง่ายไม่เลอะมือแล้ว ทั้ง 2 รสชาติใหม่ยังมาพร้อมกับเอกลักษณ์จากความเข้มข้นของรสปลาหมึก และความหอมไข่เค็มพร้อมกับความจัดจ้านแบบรสหม่าล่า
แต่งานดังกล่าวไม่ใช่แค่การเปิดตัวโปรดักท์ทั่วไป เพราะภายในงาน High Street Glam Night เต็มไปด้วยเหล่าคนดัง อาทิ วี วิโอเลต พรีเซนเตอร์ TARO พร้อมด้วยเซเลบคนดัง เป๊ก เปรมณัช, เจษ เจษฎ์พิพัฒ, Mayy R, Kayavine และอื่น ๆ อีกหลายคน ทั้งยังมีความ Exclusive จากเมนูสุดพิเศษฝีมือ เชฟแก้ว ปวีณ์นุช อดีตแชมป์รายการอาหารชื่อดัง ที่มารังสรรค์ความอร่อยจากเมนู TARO อบกรอบทั้ง 2 รสชาติ
เรียนรู้จากตัวอย่าง! เป็น “เจ้าตลาด” ก็ห้ามขาด “Creative”
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแบรนด์ TARO เป็นเจ้าตลาดกลุ่ม Snack ปลาเส้นอยู่แล้ว แต่เพราะการทำตลาดไม่สามารถหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้แม้จะครองใจผู้บริโภคได้แล้ว เราจึงเห็นแบรนด์ลุกขึ้นพัฒนาโปรดักท์ประเภทใหม่แบบ “อบกรอบ” ออกมาเพิ่มความหลากหลาย และไม่ใช่แค่ชูจุดเด่นของโปรดักท์แต่ TARO ยังผนวกกลยุทธ์การทำตลาดแบบใหม่ ๆ เข้าไปด้วย
จากอีเวนท์เปิดตัวโปรดักท์ TARO อบกรอบ 2 รสชาติใหม่ ทั้งเนรมิตให้ใจกลางเมืองอย่างสยาม กลายเป็นพื้นที่กิจกรรม ต่อยอดมาจากงาน “High Street Glam Night” ที่เพิ่งจัดไปอย่างยิ่งใหญ่ ไม่ใช่แค่อีเวนท์เดียวแล้วจบ
กลยุทธ์จากอีเวนท์ดังกล่าว ยังได้ขยายความสำเร็จและเติมไอเดียผ่านการใช้ Youtuber จากช่อง “DoMunDi TV” เข้ามาช่วยสื่อสารให้แคมเปญดังกล่าวเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคหลักมากยิ่งขึ้น ผ่านคาแรกเตอร์ของเพจที่เป็นแนวท่องเที่ยว ไลฟ์สไตล์ วาไรตี้ และทำหน้าที่ช่วยโปรโมทพร้อมทั้งสานต่อความ Glam แบบ Exclusive จากอีเวนท์ของแบรนด์ โดยไม่ใช่แค่การโปรโมทด้วยคอนเทนต์แบบเดิม ๆ เพราะ TARO ได้แปลงโฉมสมาชิกทั้ง 6 คนของ DoMunDi TV ให้กลายเป็น “Butler” แห่งยุค! พร้อมกับยกทัพไปแจก TARO อบกรอบ 2 รสชาติใหม่กันถึงสยาม เพื่อประชาสัมพันธ์ต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นนักศึกษาและกลุ่ม First Jobber ซึ่งแน่นอนว่าผู้บริโภคกลุ่มนี้ชื่นชอบความสนุกสนาน แฟชั่น ความแปลกใหม่
และไม่ใช่แค่การใช้รูปแบบการโปรโมทใหม่ ๆ เพื่อสร้างสีสันและดึงดูดความน่าสนใจด้วยกิจกรรมที่แบรนด์นำเสนอ แต่ด้วยกลิ่นอายของโปรดักท์ที่มีความเป็น Street Food ทำให้ TARO สามารถนำเสนอความสนุกสนานได้อย่างเต็มที่ ทั้งยังสอดคล้องกับคอนเทนต์ของเพจ DoMunDi TV ที่เป็นคอนเทนต์แนววาไรตี้ แคนดิด สนุกสนาน ตรงใจกลุ่มเป้าหมายอีกด้วย
“มิติใหม่” เกิดได้จาก “ไอเดียใหม่”
คงพอเห็นกันแล้วว่า บทสรุปความสำเร็จของ High Street Glam Night ไม่ใช่แค่แคมเปญที่สร้างอีเวนท์ให้โด่งดังทั้งบนออฟไลน์และออนไลน์ หรือการเปิดตัวโปรดักท์ใหม่ แต่อยู่ที่การสร้าง “ความแตกต่าง” อย่าง Creative จากการนำไอเดีย Street Food มารวมกับ High Fashion จนกลายเป็น “มิติใหม่” ที่สามารถสร้างสีสันและความแปลกใหม่ ทั้งส่วนของการจัดอีเวนท์ การทำตลาด และสร้างแรงดึงดูดที่น่าสนใจในจากกลุ่มผู้บริโภค… ไม่แน่ว่า อาจกลายเป็นแนวทางใหม่ให้แบรนด์ต่าง ๆ หรือแวดวงธุรกิจอื่น ได้หยิบไปเป็นต้นแบบต่อยอดไอเดียในอนาคตก็เป็นได้
