มีรายงานแจ้งว่า อาจเกิดการควบรวมธุรกิจร่วมกันระหว่าง Grabและ Uber ซึ่งเป็น 2 เจ้าใหญ่ธุรกิจ Transportation technology เฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ Grab ประกาศส่วนแบ่งการตลาดที่ 95% market share ในส่วนของบริการ taxi และ 71% ในส่วนของ Grab car และได้บรรลุการส่งผู้โดยสารรวมแล้วกว่า 1,000 ล้านเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ส่วน Uber ยังไม่มีการประกาศส่วนแบ่งการตลาดออกมาอย่างชัดเจน แต่ได้เคลมว่ามีการส่งผู้โดยสารทั่วโลกแล้วทั้งหมดรวมกว่า 5,000 ล้านเที่ยว โดยไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นในส่วนของอาเซียนมีเท่าไหร่
สำหรับ Grab เริ่มให้บริการที่แรกในประเทศมาเลเชีย ปัจจุบันให้บริการรวม 160 เมือง ทั้งสิงคโปร์ ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย อินเดีย ฟิลิปปินส์ และพม่า ส่วน Uber ปัจจุบันให้บริการเพียง 60 เมืองในภูมิภาคเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ของ Grab ที่พาร์ทเนอร์กับบริษัทแท็กซี่มิเตอร์ในไทยและต่างประเทศ ถือเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตในวันนี้ ทำให้พฤติกรรมการใช้รถแท็กซี่ของผู้ใช้บริการไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้บริการมากนัก และเข้าถึงกลุ่ม mass ได้มากกว่า
ส่วน Uber จะเข้าถึงในกลุ่มคนทำงานได้มากกว่า เพราะเริ่มให้บริการแท็กซี่ในรูปแบบนี้ตั้งแต่ต้น
จากการทำธุรกิจเริ่มต้นของ Grab จะเห็นได้ว่า Grab ให้ความสำคัญของคนขับมากพอสมควร ทั้งการจัดอบรม การเตรียมโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนให้คนขับแท็กซี่ได้ใช้งาน และสวัสดิการต่างๆ จึงเป็นส่วนหนึ่งให้ Grab เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
ประเด็นสำคัญคือ มีรายงานว่า SoftBank ผู้ลงทุนรายใหญ่ทั้ง Grab และ Uber มีความคิดที่จะควบรวมธุรกิจการบริหารและจัดการของ Grab และ Uber ในส่วนของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความคิดนี้มีมานานแล้ว ซึ่งโอกาสที่จะได้เห็นการควบรวมของสองบริษัทนี้น่าจะมีความเป็นไปได้สูง เพราะแหล่วข่าวต่างประเทศเคยได้รับข้อมูลนี้จากคณะกรรมการของ Softbank Japan โดยตรงเมื่อปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้แล้ว.
Source kr-asia.com