ประเทศไทยของเรานั้น ขึ้นชื่อในเรื่องของความร้อนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร คนไทยเจ้าของประเทศอย่างเรา ๆ นั้นย่อมต้องหาวิธีการดับร้อนเพื่อสู้กับอากาศที่ต้องเจอในทุกวัน ซึ่งวิธียอดฮิตตลอดกาลอย่าง “แป้งเย็น” นั้นก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ และเชื่อว่าทุกคนคงจะคุ้นเคยกับแป้งเย็นกระป๋องเหล็ก “ตรางู” นี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะถือเป็นแป้งเย็นแบรนด์แรกที่คิดค้นเพื่อมาช่วยดับร้อนให้ทั้งคนไทยและทั้งโลกเลยทีเดียว
ล่าสุด แป้งเย็นตรางู ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ “ไวลด์ ทานาคา” พร้อมส่งโฆษณาโปรโมท “#ทาหน้าค่า” ที่มุ่งเน้นเจาะตลาดกลุ่ม New Gen ด้วยการทำหนังโฆษณาที่แปลกใหม่ขึ้นกว่าเดิม เป็นโฆษณาขายแป้ง ที่ไม่มีบทพูดขายแป้งเลยแม้แต่ประโยคเดียว แต่ดูแล้วอยากไปหาซื้อมาทาหน้าแบบนี้บ้างทันที และ Mood & Tone ของหนังโฆษณาก็ทำออกมาได้มีเอกลักษณ์ น่าค้นหา แต่ยังคงซึ่งความคลาสสิคไว้อยู่
ซึ่งตัวสินค้าใหม่ “ไวลด์ ทานาคา” นี้ มีส่วนผสมจากสมุนไพรทานาคาธรรมชาติ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผิวมาก ช่วยปรับผิวให้ขาว เนียนใส ควบคุมความมัน ลดสิว ลดรอยด่างดำ ช่วยป้องกันแดดและรังสียูวี และที่สำคัญยังให้ความเย็นที่เป็นเอกลักษณ์สไตล์ตรางู ทำให้แป้งเย็นตรางูสูตร “ไวลด์ ทานาคา” เป็นแป้งเย็นสูตรแรกที่สามารถใช้บำรุงผิวหน้าได้ และเหมาะกับสีผิวคนไทย เพราะใช้สีธรรมชาติจริงของทานาคาซึ่งเป็นสีส้มเหลืองนวล ทาแล้วไม่ขาววอก
ดร.เพิ่มหญิง ว่องวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริทิช ดิสเพนซารี่ คอนซูมเมอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต และจัดจำหน่าย แป้งเย็นตรางู ได้เผยถึงแคมเปญนี้ว่า “แป้งเย็นตรางู มีกลยุทธ์ในการทำตลาดให้ถึงกลุ่มเป้าหมายโดยแบ่งสัดส่วน ออนไลน์ : ออฟไลน์ = 80 : 20 เพราะผู้บริโภคมีพฤติกรรมออนไลน์มากขึ้น จึงเป็นที่มาของแคมเปญออนไลน์ที่ชักชวนให้คนมา #ทาหน้าค่า กัน ซึ่งมาจากคำว่า ‘ทานาคา’ นั่นเอง ”
“เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน แป้งเย็นจึงขายได้ตลอดทั้งปี และมีอัตราการเติบโตขึ้นในทุกปี ซึ่งแป้งเย็นตรางู มีอัตราเติบโตถึง 10% และสินค้าใหม่นั้นมีผลอย่างมากในการช่วยให้ตลาดโต ซึ่งคาดว่าในปีนี้แป้งเย็นตรางู จะมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 30% ด้วยการทุ่มงบในการทำตลาด 200 ล้านบาทสำหรับแป้งเย็นตรางู “ไวลด์ ทานาคา” โดยปีแรกนั้นตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 100 ล้านบาท” ดร.เพิ่มหญิง กล่าว
หากสนใจติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ หรืออยากร่วมสนุกกับแคมเปญ #ทาหน้าค่า สามารถเข้าไปที่แฟนเพจ Snake Brand ได้เลยครับ
Copyright © MarketingOops.com