ปฏิวัติตลาดปลาแบบเดิม ด้วยความสด คุณภาพ จากทะเลทั่วโลกแต่ราคาเป็นกันเองแก่คนไทย

เมื่อพูดถึงตลาดสดหรือตลาดปลา สิ่งแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงคงหนีไม่พ้นภาพความเฉอะแฉะ กลิ่นเหม็น และไม่สะอาด แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา “Shinsen Fish Market” ตลาดปลาแบบโมเดิร์นแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท ได้เปลี่ยนภาพลักษณ์ของตลาดสดแบบเดิมๆ ให้มีความทันสมัย โดยมาพร้อมกับคอนเซปต์ที่น่าสนใจและไม่เหมือนใคร เพราะคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากญี่ปุ่นมาสู่มือคนไทย ภายในมีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ซูเปอร์มาร์เก็ต และแหล่งจำหน่ายอาหารทะเลสดๆ ในราคาที่จับต้องได้ เรียกได้ว่ามาที่เดียวมีครบทุกอย่าง

คุณอยุทธ์ พจน์อนันต์ (คุณน๊อต) Co-Founder Shinsen Fish Marketing ได้เล่าย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นของ Shinsen Fish Market ว่า ปีที่แล้วได้มีโอกาสไป Taipei Fish Market, Tsukiji Fish Market ในโตเกียว และตลาดซานมิเกล ประเทศสเปน ที่มีอาหารทะเลให้เลือกช้อปมากมาย ในราคาไม่แพง เป็นสถานที่ที่คนรักปลาพลาดไม่ได้ นี่จึงเป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มต้น Shinsen Fish Market ตลาดปลาแบบโมเดิร์นที่มีความทันสมัย และมีการบริหารจัดการที่ดี

กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ คุณอยุทธ์ เผยว่า ต้องใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องคำนึงถึงเรื่องเงินลงทุน คอนเซปต์ และสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้ วัฒนธรรมในการกินของคนไทยเปลี่ยนไป มีการใช้ Social Media มากขึ้น อาหารต้องอร่อย การนำเสนอต้องดี จึงทำให้มาตรฐานการกินของคนไทยสูงขึ้น โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง และเติบโตขึ้นทุกปี เราจึงมองเห็นโอกาสและช่องว่างในการทำตลาด Shinsen Fish Market จะเข้ามาเติมเต็มความต้องการเหล่านี้ โดยชูจุดเด่นเรื่องคุณภาพ เหมือนกับบินไปกินที่ญี่ปุ่น ในราคาที่คุ้มค่ากว่า

Shinsen Fish Market ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่ครึ่ง ภายในแบ่งออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่

1. โซน Live Aquamarine บ่อพักเลี้ยงที่เต็มไปด้วยวัตถุดิบมีชีวิต อาทิ ปูทาราบะ ปูขน ปูซุไว ปูแทสมาเนียน ปูคริสตัล หอยแม่น, หอยเชลล์ กุ้งล็อบสเตอร์ ฯลฯ ลูกค้าสามารถเลือกอาหารทะเลในบ่อได้ เพื่อให้เชฟนำมาปรุงเป็นเมนูต่างๆ อย่างพิถีพิถัน ทั้งนี้ หากไม่รู้ว่าต้องเลือกยังไง ทางร้านมีพนักงานที่พร้อมให้คำแนะนำอย่างละเอียด

2. โซน Supermarket มีทั้งของสด ของแห้ง อาหารแช่แข็ง เครื่องดื่ม ผัก ผลไม้ และเบนโตะอาหารญี่ปุ่นให้เลือกซื้อกลับบ้านในราคาเริ่มต้น 60 บาท ด้านของสดถ้าต้องการทานที่ร้าน ก็สามารถเลือกแล้วนำไปชั่งน้ำหนักให้เชฟปรุงได้ทันที นอกจากอาหารทะเล ทางร้านยังมีเนื้อวัวคุณภาพดีจากทั่วโลกจำหน่ายในราคาไม่แพง

3.โซนร้านอาหาร แบ่งออกเป็น 3 ร้านหลักๆ ได้แก่ Sushi Bar, Grill Bar Café และ Shabu and Sukiyaki ไม่ได้มีแค่อาหารทะเลอย่างเดียว แต่ยังมีเมนูเนื้ออีกด้วย โดยแต่ละร้านจะกระจายตัวกันอยู่ทั่วบริเวณชั้น 1-2 มีมุมให้เลือกนั่งได้ตามใจชอบ ในบรรยากาศสุดอบอุ่นสไตล์โรงงาน ไม่ได้มีแค่ของคาวอย่างเดียว ภายในยังมีบาร์เครื่องดื่ม ร้านบิงชูสไตล์ไต้หวัน และไอศกรีมฮอกไกโดอีกด้วย

อาหารแนะนำ สเต็กเนื้อมัตซึซากะ

หลังจากเปิดให้บริการมากว่า 5 เดือน คุณอยุทธ์ เผยว่า ผลตอบรับค่อนข้างดี จากทั้งลูกค้าคนไทยและต่างชาติ โดยจะเห็นได้จากรีวิวทางอินเตอร์เน็ต และการบอกแบบปากต่อปาก แม้ในช่วงแรกๆ ลูกค้าที่เข้ามาจะยังไม่เข้าใจว่าต้องทำอะไรก่อน เพราะความหลากหลาย ครบวงจรในที่เดียว

สำหรับผู้ที่มาครั้งแรก อาจยังไม่คุ้นเคยกับระบบของที่นี้ อันดับแรก ควรเดิมชมให้ทั่วก่อน อยากทานอาหารประเภทไหน ให้เลือกวัตถุดิบจากในบ่อ วิธีการปรุง (ย่าง, ทอด, ต้ม หรือนึ่ง) หรือจะขอคำแนะนำจากพนักงานว่าวัตถุดิบนี้เหมาะที่จะนำไปปรุงอาหารประเภทไหน ชำระเงินที่จุดแคชเชียร์ แล้วรอทานได้เลย

ควบคุมคุณภาพวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทาง

เมื่อพูดถึงอาหารทะเล “ความสดใหม่” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด และยิ่งนำเข้าจากต่างประเทศ ยิ่งต้องมีกระบวนการขนส่งที่ดี คุณอยุทธ์ เผยว่า อาหารทะเลเกือบทั้งหมดของที่นี่กว่า 70% นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และ 30% นำเข้าจากประเทศอื่นๆ ส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติ ทุกอย่างที่อยู่ในร้านจึงต้องสดใหม่เพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นๆ ชินเซ็นฯ มีพาร์ทเนอร์จากประเทศญี่ปุ่น ที่จะนำเข้าวัตถุดิบสัปดาห์ละ 3 ครั้ง มีการควบคุมอุณหภูมิน้ำ เช็คระดับความเค็มของน้ำ และอุณหภูมิของเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ลูกค้าจึงมั่นใจได้ว่าวัตถุดิบที่นำมาใช้มีความสดใหม่แน่นอน

Cooking School เรียนทำอาหารญี่ปุ่นจาก?

ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ Cooking School คลาสเรียนทำอาหารที่ญี่ปุ่น ที่ทางร้านจะเชิญ เชฟอิคุตะ จุนโกะ บินตรงมาจากญี่ปุ่นเพื่อสอนเป็นประจำทุกเดือน สลับกับเชฟคนไทยในคลาสที่หลากหลายขึ้น โดยใช้วัตถุดิบภายในร้านมาสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ทั้งคาวและของหวาน แต่ละคลาสจะเปิดรับผู้เรียนเพียง 4-8 คนเท่านั้น ใช้เวลาเรียน 2.30 ชั่วโมง ราคาอยู่ที่ 2,500 บาทต่อหนึ่งคลาส สามารถจองล่วงหน้าได้ทาง Website Facebook และโทรศัพท์

เน้นทำตลาดออนไลน์ ขยายฐานลูกค้า

ในส่วนของการตลาด หลักๆ จะเน้นไปทางออนไลน์ โดยใช้ Facebook และเว็บไซต์เป็นช่องทางการสื่อสาร และเสริมด้วยการใช้ Influencer เพื่อขยายฐานลูกค้าให้วงกว้าง หากใครได้เข้า Facebook ของ Shinsen Fish Market จะเห็นว่ามีการให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบอยู่เสมอ รวมถึงการแจ้งข่าวสาร และโปรโมชั่นใหม่ๆ แน่นอนว่าเมื่องบการตลาดกว่า 90% ถูกจัดสรรมาเพื่อทำตลาดออนไลน์ ลูกค้าส่วนใหญ่จึงมาจากช่องทางนี้ ล่าสุด Shinsen Fish Market ได้เปิดตัว LINE@ เพื่อรองรับการใช้งานในยุคดิจิทัล ซึ่งตรงกับกลุ่มเป้าหมายของที่นี่ คือกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 25-40 ปี

ด้านการตลาดออฟไลน์ Shinsen Fish Market ได้ทำแคมเปญร่วมกับ Samsung และบัตรเครดิต อาทิ ซิตี้แบงค์,KTC และ JCB เพื่อจัดโปรโมชั่นและมอบส่วนลดต่างๆ ในอนาคตทางร้านจะเปิดให้สั่งอาหารล่วงหน้าในราคาพิเศษ เช่น จองปูทาราบะล่วงหน้า 3 สัปดาห์ จะได้รับส่วนลด 25% หรือจองล่วงหน้า 1 สัปดาห์ จะได้รับส่วนลด 15% เป็นต้น

สำหรับธุรกิจร้านอาหาร สิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ “การนำเสนอ และความครีเอทีฟ” เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะถ่ายภาพอาหารก่อนทานเสมอ ที่นี่จึงให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และความสวยงามอย่างมาก โดยยังคงไว้ซึ่งความสดใหม่ของวัตถุดิบ ยิ่งนำเสนอดีเท่าไร ลูกค้าก็อยากแชร์ไปยัง Social Media ของตัวเอง ถือเป็นการตลาดแบบปากต่อปากที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด

สู้ด้วยคุณภาพ ความสดใหม่ ราคา และบรรยากาศ

ต้องยอมรับว่าตอนนี้มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดและปิดตัวในจำนวนเท่าๆ กัน การจะสู้กับแบรนด์ใหญ่หรือร้านที่เปิดมานานจึงไม่ใช่เรื่องง่าย คุณอยุทธ์ เผยแนวคิดเกี่ยวกับธุรกิจร้านอาหารว่า อันดับแรกแบรนด์ต้องเข้าใจลูกค้า รู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร แล้วตอบสนองความต้องการนั้นให้ได้ เมื่อเห็นช่องว่างทางการตลาด เราจึงเลือกที่จะสู้ด้วยคุณภาพ ความสดใหม่ของวัตถุดิบ ราคาที่เหมาะสม รวมถึงบรรยากาศของร้าน

แคมเปญส่งท้ายปี

เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข ชินเซนฯ จึงได้จัดแคมเปญ “ทูน่า เฟสติวัล” ที่จะนำเข้าปลาทูน่า หลากสายพันธ์คุณภาพ และเชิญเชฟมืออาชีพจากญี่ปุ่นมาโชว์การแล่ปลาทูน่า อาทิ Hon Magaru หรือ Bluefin Tuna ซึ่งถือเป็นสายพันธ์ที่ดีที่สุดที่มีน้ำหนักกว่า 126 กก. พร้อมนำเสนอเมนูปลาทูน่าให้เลือกทานมากมาย ตั้งแต่วันนี้ถึงมกราคม 2559

นอกจากนี้ ในช่วงต้นปีหน้า ชินเซ็นฯ ได้เปิดเปลี่ยนลานด้านหน้าให้เป็นพื้นที่สำหรับนั่งชิลรับลมหนาว ภายใต้คอนเซปต์ “On the Yard” พร้อมโซนบาร์บีคิว และ Food Truck โดยผู้ที่มาสามารถซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ตมานั่งทานได้อีกด้วย มีเพลงฟังสบายๆ สร้างบรรยากาศความเป็นกันเองกับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ

ก้าวต่อไปของ Shinsen Fish Market

คุณอยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องการพัฒนาสิ่งที่ทำอยู่ให้ดีก่อน โดยจะเน้นไปที่การทำธุรกิจแบบ B2B ขายตรงไปสู่ผู้ประกอบการร้านอาหารด้วยกัน เพราะเรานำเข้าวัตถุดิบเข้ามาเยอะ ทำให้ได้ราคาที่ถูกกว่า ตอนนี้ได้เริ่มทำไปแล้ว สำหรับแผนระยะยาว ทางร้านกำลังจะเปิดรับสมัครสมาชิก เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ อาทิ การสะสมแต้ม โปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลดร้านอาหาร เป็นต้น

ใครที่อยากมาสัมผัสความสดใหม่ของอาหารทะเลที่ Shinsen Fish Market สามารถมาได้ที่ ซ.เพชรบุรี 38/1 ตัด ซ.สุขุมวิท 39 ซึ่งการันตีได้ว่าลูกค้าที่มาจะได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เหมือนใครแน่นอน