เปิดกลยุทธ์ SCG Digital เจาะตลาดจีนดัน “mind” สู่แบรนด์ Smart Home ระดับโลก ยกระดับประเทศไทยสู่ Maker Economy

  • 149
  •  
  •  
  •  
  •  

อย่างที่ทราบกันไปก่อนหน้านี้ว่า “SCG” เอสซีจี แบรนด์ที่อยู่คู่ประเทศไทยมานับร้อยปีกำลังขยับตัวครั้งใหญ่ทั้งการทำ Digital Transformation รวมถึงการสร้างธุรกิจ New S-Curve โดยหนึ่งในนั้นคือแบรนด์ “mind” แบรนด์ Smart Home Solutions ที่พัฒนาขึ้นมาโดยหน่วยงาน SCG Digital Office ที่นำโดย “คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม” แม่ทัพในตำแหน่ง Chief Digital Officer, SCG Digital Office

แบรนด์ “mind” นอกจากจะตั้งใจสร้างแบรนด์ Smart Home ให้มีความแตกต่างและเป็นที่รู้จักในประเทศไทยแล้ว mind ยังตั้งเป้าใหญ่ในการยกระดับไปสู่แบรนด์สมาร์ทโฮมระดับโลก ที่จะช่วยยกระดับประเทศไทยจาก User Economy ไปสู่ Maker Economy ด้วย

แน่นอนว่า mind ที่ต้องแข่งขันในตลาด IoT Smart Home Solutions ย่อมต้องมีกลยุทธ์ในการรุกตลาดในประเทศทั้งในมุมของ B2B และ B2C อยู่แล้ว คลิกอ่าน 5 กลยุทธ์ SCG ปั้นแบรนด์ “mind” รุกธุรกิจ Smart Home Solutions – ตั้งเป้าออกสู่ตลาดโลกภายใน 4 ปี

แต่ในมุมของการก้าวสู่ “แบรนด์ระดับโลก” และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับสินค้าจากประเทศไทยรวมถึงการเป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับประเทศไทยจาก User Economy ไปสู่ Maker Economy นั้นสิ่งนี้ SCG Digital ได้เริ่มต้นฉายภาพให้เห็นขึ้นแล้วผ่านการแถลงครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยมีผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนมาร่วมงานกันจำนวนมาก เรียกว่าเป็นการ Kick Start เส้นทางของแบรนด์ “mind” สู่สายตาชาวต่างชาติโดยเฉพาะตลาดจีนและยังทำให้มองเห็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจในการเดินไปสู่เป้าหมายแบรนด์ระดับโลกใน 4 ปีได้ชัดเจนขึ้น

โชว์รูมสินค้าแบรนด์ mind บริการ Smart Home Solutions ของ SCG Digital

จับมือ “tuya” เบื้องหลัง Ecosystem IoT ระดับโลก

การที่แบรนด์ mind ตั้งเป้าเป็นแบรนด์ IoT Smart Home Solutions ระดับโลกนั้นก็จำเป็นที่ต้องมี Ecosystem ทั้งอุปกรณ์ IoT และเครือขายการเชื่อมต่อในระดับโลกด้วยเช่นกัน ซึ่ง SCG ก็เลือก 2 บริษัทจากประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญไม่ว่าจะเป็น Ecosystem สินค้า IoT อันดับ 1 อย่าง “tuya” และผู้พัฒนาเครือข่ายการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT อย่าง “T3 Technology” มาร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ธุรกิจของแบรนด์ mind ด้วย

สำหรับ “tuya” เป็นบริษัทผู้พัฒนา Ecosystem ด้าน IoT ทั้ง software และ hardware โดยนอกจากจะมีบริการ IoT Solutions สำหรับโรงงานในอุตสาหกรรมต่างๆแล้ว ธุรกิจที่แข็งแกร่งของ tuya ก็คือ การสร้าง Ecosystem IoT สำหรับภาคธุรกิจและผู้บริโภคได้ตั้งแต่ใหญ่ถึงเล็กเช่น Smart Park, Smart Building, Smart Residential Rental, Smart Campus เรื่อยมาจนถึง Smart Home ซึ่งเป็น Ecosystem ที่ SCG นำมาใช้กับแบรนด์ mind นั่นเอง

คุณอภิรัตน์ หวานชะเอม (ซ้าย) Chief Digital Officer, SCG ,คุณ Holmes Chen (กลาง) ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์อาวุโส, Tuya Smart และคุณKevin Guo (ขวา) Deputy CEO, T3 Technology

ปัจจุบัน tuya เป็น ecosystem IoT เบื้องหลังแบรนด์ในประเทศต่างๆมากกว่า 200 ประเทศและดินแดนทั่วโลก ปัจจุบันสามารถทำยอดขายอันดับ 1 ของโลก โดย tuya เป็นพาร์ตเนอร์กับบริษัทจำนวนมากที่อยู่ในการจัดอันดับ Fortune 500 ด้วยเช่น Sharp, Philips, Panasonic, Siemens, Carrier และอีกนับไม่ถ้วน

คุณอภิรัตน์ ระบุว่า เราไม่สามารถทำงานคนเดียวและไม่สามารถเริ่มจากศูนย์ได้ เราจึงจำเป็นต้องมองไปที่ ecosystem ที่มีอยู่แล้วอย่าง tuya เพราะ tuya ลงทุนไปมหาศาลและใช้เวลา 9 ปีพัฒนา Ecosystem ขึ้นมาจน tuya มีสินค้าจำนวนมากถึง 500,000 SKU พร้อมกับมีฐานลูกค้าอีกจำนวนมหาศาล สิ่งนี้แม้บริษัท software อย่าง Google เองก็ไม่สามารถข้ามมาทำตลาด IoT ได้ เพราะพวกเขาแข็งแกร่งในตลาด cloud แต่เข้าไม่ถึงตลาดสินค้าในบ้านได้ แต่ tuya มีสิ่งนี้ เรียกได้ว่าไร้คู่แข่ง โมเดลธุรกิจนี้นับได้ว่าชาญฉลาดเพราะ tuya ไม่ได้ผลิตสินค้าของตัวเองขายแต่ tuya จะฝังตัวอยู่ภายในสินค้าของทุกๆแบรนด์

สินค้า Smart Home แบรนด์ mind มี Ecosystem ของ tuya อยู่เบื้องหลัง

“ในอนาคต สินค้าอุปกรณ์ smart device 9 ใน 10 ชิ้นจะมีผลิตภัณฑ์ของ tuya อยู่ภายใน ดังนั้นนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเวลานี้ tuya จึงเป็น ecosystem IoT ที่โดดเด่นที่สุดและมอบคุณค่าให้มากที่สุดได้” คุณอภิรัตน์ ระบุ

ร่วมมือ T3 เทคโนโลยีที่เราใช้อยู่แล้วแต่อาจไม่รู้ตัว

T3 Technology เป็นอีกหนึ่งพาร์ทเนอร์จากประเทศจีนของแบรนด์ mind เพื่อให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT สมาร์ทโฮมเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อเอ่ยชื่อ T3 Technology แล้วคนไทยอาจไม่คุ้นหูแต่จริงๆแล้ว T3 เป็น Supplier ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต Broadband กับโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการอย่าง AIS, true รวมถึง nt Broadband มาอย่างยาวนาน เรียกว่าเราใช้ใช้งานอินเตอร์เน็ตโดยมีเทคโนโลยีของ T3 อยู่เบื้องหลังกันมาแล้วโดยไม่รู้ตัว และความร่วมมือกับ SCG ในการสร้างแบรนด์ mind ในครั้งนี้นับเป็นการเริ่มต้น New Smart Era ของ T3 ที่มีเป้าหมายตามแนวคิด “Own the Household” ในการสร้างระบบบ้านอัจฉริยะที่มีเครื่อข่าย T3 เป็นศูนย์กลาง

Kevin Guo Deputy CEO, T3 Technology

คุณ Kevin Guo Deputy CEO, T3 Technology เองก็เปิดเผยด้วยว่านับเป็นโอกาสดีที่ T3 ได้จับมือร่วมกับพันธมิตร ต่อยอดแนวคิด “Own the Household” ในการสร้าง Network-Centric Smart-Home หรือระบบบ้านอัจฉริยะที่มีเครือข่ายภายในบ้านเป็นศูนย์กลาง ซึ่ง T3 Technology ในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยี WiFi พร้อมเดินหน้านำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีโทรคมนาคมไปสู่การดูแลให้ครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัย เพราะบริษัทมองว่าการออกแบบและวางระบบเน็ตเวิร์กที่ดี มีความเสถียร เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Smart Home ทำงานได้แบบเรียลไทม์และเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนา Network Infrastructure ให้แข็งแกร่ง เชื่อมต่อได้รวดเร็ว จะช่วยเชื่อม IoT Smart Home Ecosystem ให้สมบูรณ์แบบได้มากขึ้น

ความร่วมมือครั้งนี้นอกจากจะทำให้ mind มี Ecosystem ที่แข่งแกร่งและแข่งขันในตลาดโลกได้แล้ว คุณอภิรัตน์ ยังระบุด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยผลักดันตลาด Smart Home ไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ไม่ได้ส่งผลดีเฉพาะผู้พัฒนานวัตกรรมดิจิทัลรายใหญ่เท่านั้น แต่ยังสร้าง IoT Smart Home Ecosystem ไทยให้แข็งแกร่ง เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามาช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรม เพื่อขยายการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถให้กับ SMEs และ Startup สัญชาติไทย ซึ่ง SCG พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุน ทั้งเครือข่ายพันธมิตรและการแบ่งปันโนว์ฮาวการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทย

“mind” ชู Craft Tech เจาะตลาดระดับบน

แน่นอนว่าการที่จะพาแบรนด์ mind ไปสู่แบรนด์ระดับโลกเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจาก User Economy สู่ Maker Economy ได้นั้น คุณอภิรัตน์มองว่า กุญแจสำคัญนั้นอยู่ที่ความคิดสร้างสรรค์และนั่นคือทางที่แบรนด์ mind จะเดินไปด้วยสินค้าสมาร์ทโฮมที่ผ่านการออกแบบด้วยความคิดสร้างสรรค์และเจาะตลาดระดับบนก่อน

อภิรัตน์ หวานชะเอม Chief Digital Officer, SCG Digital

CDO แห่ง SCG Digital ระบุว่า mind จะต้องสร้างความแตกต่างเป็นทางเดียวที่เราสามารถเดินไปได้ เพราะการสู้กับบริษัทจีนแบบตรงๆด้วยเรื่องจำนวนสินค้าที่ผลิตได้และต้นทุนที่ต่ำจะทำให้เราพ่ายแพ้ เพราะจีนเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เพียงแค่ผู้บริโภคในจีนเพียงอย่างเดียว แบรนด์จีนสามารถผลิตสินค้าจำนวน 1 แสนชิ้นได้ในราคาที่ถูกมากๆ จากนั้นหลังจากเติบโตเต็มที่ได้แล้วในประเทศบริษัทจีนก็สามารถขายสินค้าเหล่านั้นให้ตลาดโลกต่อได้ ดังนั้นเราต้องสู้ด้วยสิ่งที่แตกต่างก็คือเรื่องของ “ความคิดสร้างสรรค์” นั่นเอง

“สิ่งแรกๆที่แบรนด์ Mind เราส่งไปยังตลาดจีนก็คือเรื่องของ “Craft Tech” ซึ่งก็คือสินค้าสมาร์ทโฮม ที่ออกแบบอย่างสวยงาม ใช้งานได้ง่าย เป็นสินค้า IoT เช่น เฟอร์นิเจอร์แบบ Interactive จากนั้นเราจำเป็นจะต้องมองไปที่ตลาดเล็กๆก่อน อาจจะเป็นตลาดระดับ hi End หรือ กลุ่มคนที่อยากจะมีสไตล์หรือคนที่มองหาสินค้าที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ สินค้าไทยของเราจะต้องไปในทิศทางอื่น ผลิตสินค้าเพียงจำนวนน้อยๆ แต่ทำให้มันมีเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้ใช้งานได้จริง สวยงาม และมีมูลค่าเพิ่มให้ได้มากที่สุด และมองไปที่ตลาดระดับบนก่อน ด้วยสิ่งนี้เรามีความหวัง” คุณอภิรัตน์ ระบุ

ร่วมมือ Tech partner ไทยดันตลาด Smart Home ในประเทศ

หนึ่งในรากฐานสำคัญในการดันแบรนด์สมาร์ทโฮมไทยอย่าง mind ให้ไปสู่ระดับโลกได้ก็คือตลาดสมาร์ทโฮมในไทยที่จะต้องแข็งแกร่งนั่นจึงเป็นเหตุผลให้ SCG ผสานความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยี ทั้งจากภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA), มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.), ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC), สมาคมไทยไอโอที (Thai IoT Association), บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด (TOSHIBA) และซี-ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ อินฟลูเอนเซอร์สายไอทีชื่อดัง มาผสาน Synergy ร่วมกันในการสร้างศักยภาพให้กับอุตสาหกรรมนวัตกรรมดิจิทัล ขับเคลื่อน Digital Economy และ Creative Economy ของประเทศไทยโดยจะทำใน 2 มิติก็คือ

1. Inbound ดึงดูดผู้ประกอบการจีนให้เข้ามาลงทุนและตั้งโรงงานผลิต Smart Device ในเมืองไทย สอดคล้องกับนโยบายพัฒนา Thailand Digital Valley ของภาครัฐ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานในประเทศ รองรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะว่าที่ Tech Talent ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงาน ทั้งยังช่วยให้คนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรมดิจิทัลได้ง่ายขึ้น

2. Outbound ผลักดันตลาด Smart Home ประเทศไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น ด้วยการส่งเสริม Craft Technology ผสมผสานนวัตกรรมดิจิทัลเข้ากับงานออกแบบจากดีไซเนอร์ไทย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายโอกาสในการส่งออกสินค้านวัตกรรมไปยังตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่าจะนำร่องที่ตลาดจีนก่อน

“การเปลี่ยนบ้านให้เป็น Smart Home เป็นเมกะเทรนด์ที่กำลังมาแรง และมีบทบาทสำคัญในการดูแลที่อยู่อาศัย ทั้งความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และในมิติอื่นๆ เราจึงต้องฝากบ้านทั้งหลังไว้กับระบบที่ไว้วางใจได้ ดังนั้น การเลือกอุปกรณ์ Smart Home ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบ มีดีไซน์หลากหลายรองรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน รวมถึงให้บริการโดยผู้พัฒนาที่มีความน่าเชื่อถือนั้นเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ ซึ่งทาง SCG เองได้มีการพัฒนา Smart Home Solutions แบรนด์ mind ที่สามารถ integrate การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ได้หลายค่าย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในส่วนนี้เช่นกัน เราเชื่อมั่นว่าการ Synergy กันของผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมดิจิทัล และเทคโนโลยีภายในที่อยู่อาศัยในครั้งนี้ จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนวัตกรรมดิจิทัล และสร้างมิติใหม่ให้กับการอยู่อาศัยของทุกคนในสังคม” นายอภิรัตน์ กล่าว

ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์บางส่วนของทีม SCG Digital ที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่มีแรงบันดาลใจที่ต้องการ mind เป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของสินค้าไทยในเวทีโลก เปลี่ยนภาพประเทศไทยจาก User Economy ไปสู่ Maker Economy ได้ต่อไปในอนาคต ซึ่งการที่จะทำสิ่งนี้ได้สำเร็จต้องเริ่มต้นจากการมี Ecosystem ที่แข็งแกร่ง บวกกับความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่แพ้ใครของคนไทย และที่สำคัญก็คือความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะผลักดันเป้าหมายให้เกิดขึ้นจริงได้โดยมีแบรนด์ mind เป็นผู้ปูเส้นทางเอาไว้นั้นเอง


  • 149
  •  
  •  
  •  
  •