SC Asset เปิดกลยุทธ์ธุรกิจเดินหน้าสู่ทศวรรษที่ 3 เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งเป้ารายได้ 1.5 แสนล้านบาทใน 5 ปี โดยในปี 2024 นี้ตั้งเป้าทำยอดขายนิวไฮ 28,000 ล้านบาท วางแผนสร้างสมดุลให้กับธุรกิจมากขึ้น พร้อมกับเตรียมเปิดตัวบ้านตอบสนอง Insight ผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้นด้วยคอนเซ็ปต์บ้านสำหรับคน Introvert และ Extrovert ในช่วงกลางปีนี้
คุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง และมีนวัตกรรม เผยความสำเร็จปี 2023 ที่ผ่านมาโดย SC ทำยอดขายนิวไฮ 4 ปีต่อเนื่อง พร้อมประกาศทิศทางขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรตั้งแต่ระยะ 10 ปี 5 ปี และ 1 ปีคือปี 2024
สถานการณ์อุตสาหกรรม 2024 ขายช้า-ทุนตึง-เหลื่อมล้ำ
คุณณัฐพงศ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2024 ด้วย 3 คำก็คือ ขายช้า-ทุนตึง-เหลื่อมล้ำ โดยขายช้า ก็คือจะทำให้การขายนั้นทำได้ช้าเหตุผลเพราะหนี้สูง ต้นทุนสูง ดอกเบี้ยสูง ในขณะที่เศรษฐกิจต่ำ นอกจากนี้ แหล่งทุนก็มีความตึงตัว เพราะธนาคารสถาบันการเงินจะมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ในขณะที่นักลงทุนก็จะระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น
ในขณะที่สถานการณ์การแข่งขันจะสร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น ไม่ใช่ปลาเล็กกินปลาใหญ่ แต่จะเป็นปลาใหญ่จะถูกกินโดยปลาที่ใหญ่กว่า โดยปลาใหญ่กว่าจะใช้ความได้เปรียบในการเข้าถึงทรัพยากรที่มีมากกว่าและเร็วกว่า นั่นทำให้ SC ตัองมีกลยุทธ์ในการรับมือ ไม่ว่าจะเป็น เพิ่มความหลากหลาย แหล่งทุน สินค้าและธุรกิจ ลงทุนอย่างเหมาะสม ดำเนินธุรกิจรอบคอบ จัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ รักษามาตรฐานและคุณภาพในระดับสูง เพิ่มศักยภาพคนในองค์กร รวมถึงให้ความใส่ใจกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
คุณณัฐพงศ์ เปิดเผยด้วยว่าพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปโดยแยกออกไปได้หลายกลุ่ม กลุ่มหนึ่งค้นพบตัวเองว่า “ชอบอยู่บ้าน” มากยิ่งขึ้น ให้ความสำคัญกับทั้งเรื่องสุขภาพและเทคโนโลยี ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่งพบว่า เป็นคน “ไม่ชอบอยู่บ้าน” แต่ชอบอยู่คอนโด อย่างไรก็ตามยอดขายก็สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคเช่นกันโดยหลังโควิดยอดขายบ้านสลับมามากกว่าคอนโด โดยมียอดขายมากกว่าในช่วงก่อนโควิดแล้วในเวลานี้ และอีกเทรนด์ที่พบก็คืออีกหลายคนก็จะ “ซื้อทั้งบ้านและคอนโด” เช่นกัน ส่วนในอนาคตอาจมีโมเดลธุรกิจเกี่ยวกับการเช่าหรือการ Subscribe เพิ่มเข้ามาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องมีทางเลือกและรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
โครงการใหม่ 17 โครงการในปี 2024
สำหรับแผนธุรกิจปี 2024 คุณณัฐพงศ์ ระบุว่า SC ตั้งเป้าหมายทำยอดขายนิวไฮที่ 28,000 ล้านบาทโดยแบ่งเป็นสัดส่วนแนวราบ 65% และแนวสูง 35% โดยตั้งเป้ารายได้รวมเอาไว้ที่ 26,500 ล้านบาทจากธุรกิจทั้ง “อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย” ทั้งแนวราบและแนวสูง (Engine 1) และ ธุรกิจที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ (Engine 2) โดยตั้งงบลงทุนทั้งหมดมูลค่า 25,000 ล้านบาทในปีนี้ในหลากหลายธุรกิจ และจะมีจำนวนโครงการมากถึง 103 โครงการ
สำหรับธุรกิจ “อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย” หรือ Engine 1 ในปี 2024 นี้ SC จะมีโครงการเพื่อขายทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่ารวม 91,000 ลบ. เปิดโครงการใหม่รวม 17 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ลบ. แบ่งเป็น โครงการใหม่ แนวราบ 15 โครงการ มูลค่า 25,000 ลบ. โดยมีไฮไลท์แบรนด์ใหม่ชื่อ “Connoisseur” (คอนนาเซอร์) ราคาเริ่มต้น 80 ลบ.
และที่น่าสนใจก็คือ SC เตรียมทำบ้านบ้านไลฟ์สไตล์เฉพาะบุคคล ทั้งสำหรับคน Introvert และ Extrovert ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเฉพาะบุคคลในยุคปัจจุบัน นับเป็นการปรับตัวเพื่อตอบรับกับตลาดของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปและมีความหลากหลายยิ่งขึ้นในปัจจุบัน
ในส่วนของโครงการใหม่ แนวสูงจะมีเปิดตัวใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 5,000 ล้านบาท ภายใต้ แบรนด์ Reference ในย่านเอกมัย-ทองหล่อ รวมถึงย่านมหาวิทยาลัยด้วยเช่นกันซึ่งจะเป็นที่ไหนก็ต้องติดตามกัน ด้วยโครงการต่างๆของ SC ทำให้เวลานี้คอนโดของ SC ครอบคลุ่มทุกกลุ่มราคาตั้งแต่ 2.5 ล้านบาทไปถึง 500 ล้านบาทเลยทีเดียว
นอกจากนี้ SC พร้อมส่งมอบนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีติดตามดูแลความปลอดภัยด้วยระบบ Command Centre และ เทคโนโลยีอัจฉริยะ ผ่าน RueJai Intelligence และยกระดับประสบการณ์ด้วยกิจกรรมที่คัดสรรและออกแบบมาพิเศษผ่าน utility token Morning Coin ด้วย
สำหรับธุรกิจที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ (Engine 2) นั้นคุณณัฐพงศ์ ระบุว่าจะเพิ่มสัดส่วนกำไรจาก 15% ในเวลานี้ให้เพิ่มขึ้นให้เป็น 25% ในอีก 5 ปีข้างหน้าเพื่อสร้างสมดุลให้กับธุรกิจโดยธุรกิจใน Engine 2 นี้จะมีทั้ง อาคารสำนักงานให้เช่า 6 อาคาร, โรงแรม 3 โครงการ, คลังสินค้า 4 โครงการ รวมถึง อสังหาริมทรัพย์ให้เช่าในเมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา 78 ห้อง
นอกจากนี้ SC ยังมีภารกิจ #SCeroMission ดำเนินธุรกิจใส่ใจสิ่งแวดล้อมที่ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการออกแบบ สร้าง ใช้ ทิ้ง จากต้นน้ำถึงปลายน้ำโดยตั้งเป้าลด ก๊าซเรือนกระจก 25% ในปี 2030 โดยปัจจุบันการติดตั้ง Solar Roof บริเวณอาคารสำนักงาน และโครงการบ้าน ติดตั้ง EV Charger ณ อาคารสำนักงาน และคอนโดมิเนียม เปลี่ยนหลอดไฟ LED อาคารเก่า เปลี่ยนระบบทำความเย็น ในอาคารสำนักงาน ช่วยลดคาร์บอนไปได้กว่า 1,500 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในปี 2022-2023 และตั้งเป้าหมายว่าจะลดก๊าซเรือนกระจก 15% จากการดำเนินงานตามปกติ ในปี 2024 นี้
ทิศทางสู่ทศวรรษที่ 3 และอีก 5 ปีข้างหน้า
คุณณัฐพงศ์ เปิดเผยถึงแผนในการก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ “SC the Evolution” สร้างคุณค่าสู่คนและโลก เติบโตบนความหลากหลาย ผ่านแนวคิดวิวัฒนาการองค์กร ปรับตัวเข้ากับบริบท เติบโตพร้อมกันทั้งสามด้าน คือ
- People ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตดีด้วยสินค้า-บริการคุณภาพสูง และมีนวัตกรรม พนักงานเติบโต มั่นคง ภูมิใจ แสดงศักยภาพได้เต็มที่
- Planet สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- Profit กำไรเติบโต จากธุรกิจที่หลากหลาย
สำหรับทิศทางธุรกิจ 5 ปี (ระหว่าง 2024-2028) จะปรับเปลี่ยนไปบนความหลากหลายภายใต้ 3 กลยุทธ์คือ
- มหาศาล : สร้างรายได้รวม (portfolio revenue) รวม 5 ปี (2567-2571) จากหลากหลายธุรกิจมากกว่า 150,000 ลบ.
- มั่นคง : ลงทุนอย่างเหมาะสม เพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนทุน D/E น้อยกว่า 1.5
- สมดุล : ส่วนผสมกำไร จากธุรกิจที่หลากหลาย โดยมีกำไรจากธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำสม่ำเสมอ (engine 2) มากกว่า 25%
ทั้งหมดนี้คือภาพที่ SC ฉายให้เราได้เห็นทั้งสถานการณ์ปัจจุบันของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ เทรนด์ของผู้บริโภคในยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปจนธุรกิจต้องปรับตัวตาม รวมไปถึงแผนธุรกิจทั้งระยะสั้นระยะยาวที่จะเกิดขึ้นให้ได้ติดตามกันต่อไป