ย้อนกลับไปในปี 2552 แสนสิริ เป็นแบรนด์แรกของวงการอสังหาฯ เริ่มใช้ Facebook เป็นสื่อกลางระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค จนต่อเนื่องมาถึงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมการขาย และเข้าถึงลูกบ้านแสนสิริ อาทิ “Instant Living” Social Commerce ที่นำ Insight จากลูกค้ามาพัฒนาเว็บ, “Say Swop” ReCommerce เว็บไซต์ที่จัดทำขึ้นมาเพื่อสร้างสังคมระหว่างเพื่อนบ้าน เป็น Market Place ของลูกบ้านแสนสิริ สำหรับการแลกเปลี่ยนสิ่งของซึ่งกันและกัน และ “Home Service Application” แอปฯ สำหรับลูกบ้านและนิติบุคคล เป็นต้น
ตลอดระยะเวลา 33 ปีที่ดำเนินธุรกิจ จนถึงตอนนี้ แสนสิริ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ตนเองเป็นแบรนด์ที่ไม่หยุดนิ่ง และพร้อมจะเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้ความสำคัญกับการใช้ Digital Marketing มากขึ้น ส่งผลให้ในที่ผ่านมา Facebook Fan Page ของแสนสิริมียอดไลค์ทะลุ 1 ล้านไลค์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการใช้ Social Media ตัวจริง
เว็บไซต์ 5 ภาษา และ Facebook Fan Page 4 เวอร์ชั่น เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ
และในปี 2560 แสนสิริ ไม่รอช้าที่จะต่อยอดความสำเร็จในการใช้ Social Media ด้วยการตั้งเป้าสร้างการรับรู้ไปสู่ผู้บริโภคทั่วโลก 1,000 ล้านคน ผ่านเว็บไซต์เต็มรูปแบบ 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง, ญี่ปุ่น และรัสเซีย และ Facebook Fan Page สำหรับฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และ International พร้อมคอนเทนต์และกิจกรรมการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคในประเทศ และต่างประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการก้าวสู่ความเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกในยุค Digital Transformation
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า Facebook Fan Page ของแสนสิริ มียอดไลค์ทะลุ 1 ล้านไลค์แล้ว ปัจจัยสำคัญทำให้แสนสิริสร้างฐานแฟนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากลูกบ้านของแสนสิริเอง และยังมีผู้ใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่ลูกค้าของแสนสิริด้วย ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ แสนสิริได้ วางกลยุทธ์การนำเสนอคอนเท้นต์ใน Facebook Fan Page แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ
1. การปรับแต่งคอนเทนต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของ User และคอนเท้นต์ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์โดยตรง อาทิ นวัตกรรมการตกแต่งบ้าน ดีไซน์ กิจกรรม CSR รวมถึงสิทธิพิเศษต่างๆ จากแสนสิริ แฟมิลี่
2. การจัดกิจกรรมออนไลน์ เพื่อให้แฟนเพจได้มีส่วนร่วมกับแบรนด์ ทั้งกิจกรรมหลักที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำ และกิจกรรมตามเทศกาลต่างๆ
3. เลือกลงโฆษณาใน Facebook ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข่าวสารจากแบรนด์อย่างรวดเร็ว
คุณสมัชชา พรหมศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายสื่อสารองค์กรและระบบฐานข้อมูลการตลาด บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ที่ผ่านมา แสนสิริ ให้ความสำคัญกับการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดอย่างครอบคลุมและเข้าถึงเป้าหมายมาโดยตลอด โดยมี Social Media เป็นสื่อกลางที่จะทำให้แบรนด์ใกล้ชิดและเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด แสนสิริ จึงผลักดันช่องทาง Social Media ของตนเองในทุกแพลตฟอร์ม อาทิ Facebook, Instagram, Youtube ,Twitter และ Pinterest โดยอัปเดทข้อมูลข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ จนทำให้แสนสิริ ได้รับรางวัล Thailand Zocial Award 2016 ในประเภท “Top Brand Engaged on Social Media by Category “Real Estate” และมียอดผู้ติดตามมากที่สุดรวม 5 แพลตฟอร์ม
ทั้งนี้ แนวทางการปรับกลยุทธ์ Digital Marketing ของแสนสิริ มุ่งจับเทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2560 นี้ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ด้าน Accelerated Mobile Pages (AMP) โหลดหน้าเว็บอย่างรวดเร็วภายใน 3 วินาที, Mobile Geo-Location ระบุพิกัดของผู้บริโภคเป้าหมายเพื่อให้สามารถนำเสนอข้อมูล สินค้าหรือบริการได้อย่างถูกที่ ถูกเวลา, เทคโนโลยี VR สร้างภาพเสมือนจริง ชมตัวอย่างบ้าน และการตกแต่งห้องต่างๆ, Data Tracking เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ส่งคอนเท้นต์ได้ถูกต้อง และตรงใจ, Chatbot เพราะผู้บริโภคต้องการคำตอบที่รวดเร็ว และ Smart Home eCommerce เช่น การเช็คของที่อยู่ในตู้เย็นแบบอัตโนมัติ อะไรที่ใกล้จะหมดก็สั่งซื้อผ่านระบบได้ทันที เป็นต้น
ลุยตลาดต่างประเทศเต็มตัว ตั้งเป้ารายได้ 8,000 ล้านบาท
คุณอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “แผนการขยายตลาดสู่ต่างประเทศคือกลยุทธ์การเติบโตหลักของเราในปี 2560 นี้ ซึ่งเราตั้งเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดดทุกปี โดยปีนี้ตั้งยอดขายไว้ที่ 8,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 48% (2559 : รายได้ 5,400 ล้านบาท) โดยคาดว่ารายได้ส่วนใหญ่จะมาจากต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะฮ่องกง และจีน ที่มีแนวโน้มการเติบโตค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับสิงคโปร์ ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยแสนสิริตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยประเทศละ 20-30%
ในส่วนของบการตลาด ปีนี้แสนสิริแบ่งไว้ที่ 300 ล้านบาท ใช้สำหรับ Digital Marketing และ Social Media เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายตลาดต่างประเทศได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพที่สุด ด้วยการพัฒนาเว็บไซต์เต็มรูปแบบ 5 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง, ญี่ปุ่น และรัสเซีย และ Facebook Page สำหรับฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และ International เพื่อให้เข้าใจตลาดในประเทศนั้นๆ มากขึ้น แสนสิริ จึงมีทีมงานที่เป็นคนท้องที่ดูแล
3 กลยุทธ์หลัก ในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ของแสนสิริในปีนี้
1. สร้างความสนิทและความไว้ใจระหว่างแฟนเพจกับแบรนด์ ผ่านการพูดคุยและตอบคำถาม เพื่อให้เข้าถึงและสร้างความไว้วางใจในตัวแบรนด์ ให้เป็นเหมือนที่ปรึกษาที่เชื่อใจและไว้ใจได้ เมื่อมีเรื่องที่อยากได้คำแนะนำเกี่ยวกับบ้านจะนึกถึงแสนสิริเป็นแบรนด์แรก
2. เสริมทัพคอนเทนต์ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในลักษณะ Real-Time Marketing ที่มีผลิตภัณฑ์เข้าไปอยู่ในคอนเทนต์ด้วย เพื่อตอกย้ำภาพของแบรนด์ให้ดูเป็นแบรนด์ที่มีความทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ เช่น Facebook Live หรือภาพและวิดีโอแบบ 360 องศา โดยจะมีการปรับและเลือกรูปแบบการนำเสนอให้เหมาะกับแต่ละเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อ ซึ่งเคยมีการลองทำแล้วและประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
3. ให้ความสำคัญกับ Global Pages สอดคล้องกับแผนการขยายตลาดและเติบโตในต่างประเทศซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดในปีนี้มากขึ้น โดยจะเริ่มที่ฮ่องกง ไต้หวัน และสิงคโปร์ โดยการผลิตคอนเทนต์ ให้ตรงกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ เช่น เรื่องของภาษา, ความสนใจของคนในท้องถิ่นนั้นๆ เพื่อสร้างรากฐานความแข็งแกร่งให้ Global Pages โดยมีเป้าหมายที่จะมุ่งไปให้ถึงคือลูกค้าหลักพันล้านคนในตลาดต่างชาติ