ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นตลาดที่ได้รับความสนใจแบรนด์ใหญ่ๆทั่วโลก ด้วยจำนวนประชากรในภูมิภาคที่มีมากถึง 685 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ หนึ่งในแบรนด์ยักษ์ใหญ่เหล่านั้นคือ Samsung ที่วางกลยุทธ์บุกตลาดอาเซียนด้วยเช่นกัน
ล่าสุด คุณทีเอ็ม โรห์ (TM Roh) ประธานธุรกิจ Mobile Experience (MX) ของ Samsung ก็ได้เดินทางมาเยือนอาเซียนอีกครั้งและได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนจากหลายชาติ รวมถึง Marketing Oops! ได้สัมภาษณ์ถึงมุมมองการขยายตลาดในอาเซียนและอนาคตของ Samsung ที่สำนักงานใหญ่ของ Samsung ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
“อาเซียน” ตลาดสำคัญของ Samsung
สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คุณทีเอ็ม โรห์ สะท้อนว่าเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่และมีบทบาทสำคัญสำหรับ Samsung อย่างยิ่งโดยเฉพาะหลังจากเปิดตัวสมาร์ทโฟนไลน์อัพ Samsung Galaxy S23 ในช่วงเวลาที่สถานการณ์เศรษฐกิจมีความท้าทาย ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย แต่ยอดจอง Samsung Galaxy S23 Ultra ในภูมิภาคกลับสูงขึ้นมาก และเป็นไปอย่างเหนือความคาดหมาย
โดยเหตุผลที่ทำให้ยอดจองสูงมากนั้นคุณทีเอ็ม โรห์ ระบุว่ามาจากความพยายามของ Samsung ในการนำเสนอสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการและไว้วางใจ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเรื่องกล้อง การเชื่อมต่อ ประสิทธิภาพในการเล่นเกม ความยั่งยืน รวมถึงความปลอดภัยที่มีให้ในสมาร์ทโฟนเพียงเครื่องเดียว โดยหนึ่งในฟีเจอร์หลักของ Samsung S23 คือ การถ่ายภาพกลางคืนที่ปรับปรุงขึ้น ที่ทำให้ผู้ใช้งานสามารถถ่ายภาพได้ดีขึ้น ประสิทธิภาพในการทำงานก็ดีขึ้นด้วย Chipset จาก Qualcomm รวมไปถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความยั่งยืนมากขึ้นด้วย
รับฟังเสียงผู้บริโภคด้วยตัวเอง
คุณทีเอ็ม โรห์ พูดถึงหนึ่งในกลยุทธ์ในการบุกตลาดอาเซียนด้วยนั่นก็คือการเดินทางไปรับฟังเสียงผู้บริโภคด้วยตัวเองโดยผู้บริหาร Samsung ยกตัวอย่างจากเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาที่ได้มีโอกาสเยือนประเทศไทยในการเปิดตัว Samsung Galaxy S22 ซึ่งก็ได้รับฟังเสียงตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยซึ่ง Samsung ก็ได้นำสิ่งเหล่านี้ไปปรับปรุงใน Samsung Galaxy S23
“ลูกค้าในไทยบอกผมว่าอยากให้มีกล้องที่ดีขึ้น และการเล่นเกมที่ดีขึ้น และเสียงสะท้อนเหล่านั้นก็ถูกนำมาใช้ใน S23 นี้และนั่นเป็นสิ่งที่เราเน้นในการพัฒนา ผมขอบคุณเสียงสะท้อนเหล่านั้นเพื่อให้ได้พัฒนาสินค้าที่ดีขึ้นในปีนี้” ทีเอ็ม โรห์ ระบุ
คุณทีเอ็ม โรห์ ย้ำว่า ภายใต้ความท้าทายทางเศรษฐกิจ Samsung จะเน้นไปที่การสร้าง ecosystem ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุดกับลูกค้าและสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆให้กับผู้บริโภค
“แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะไม่แน่นอน เราจะยังคงเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ของเราและ มุ่งเน้นไปตามแผนที่เราวางไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะในประเทศไทยเราให้ความสนใจเป็นพิเศษกับตลาดนี้เพราะ Samsung มีโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านตั้งอยู่ด้วย” ทีเอ็ม โรห์ ระบุ
พัฒนาสินค้าก้าวข้ามความท้าทาย
ท่ามกลางปัญหาทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลก การพัฒนาสินค้าสินค้าให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนอกจากจะสามารถซื้อใจผู้บริโภคได้แล้ว คุณทีเอ็ม โรห์ ระบุว่ายังเป็นหนทางที่จะช่วยให้ Samsung ก้าวข้ามความท้าทายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันด้วย
“เราพยายามที่จะก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ด้วยการปล่อยผลิตภัณฑ์ที่ยกระดับขึ้นมาอย่างเช่นใน Samsung S23 series , Z series ที่ปล่อยออกมาในช่วงปลายปีก่อนรวมถึง A Series ด้วยเพื่อสร้างประสบการณ์ระดับพรีเมียมให้กับลูกค้าของเรา” ประธานธุรกิจ MX ของ Samsung ระบุ
นอกจากนี้ทีเอ็ม โรห์ยังระบุว่า เพื่อก้าวข้ามความท้าทายเหล่านี้ Samsung ยังมองถึงการมี Ecosystem ที่มี Connectivity ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แทปเล็ต สมาร์ทว็อทช์ ให้เชื่อมต่อได้กับ ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน
“ผมเชื่อว่านี่คือจุดแข็งของ Samsung ในการมอบประสบการณ์ความเชื่อมโยงเพื่อก้าวข้ามความท้าทายในอนาคต” ทีเอ็ม โรห์ ระบุ และว่า “เป้าหมายของเราในภูมิภาคนี้คือสร้างความเติบโตในปี 2023 นี้ และเราก็ได้เห็นผ่านการเปิดตัว S23 series เมื่อสัปดาห์ก่อนกันแล้ว”
Everyday Sustainability
คุณทีเอ็ม โรห์ ระบุว่า เรื่องของความยั่งยืนก็เป็นอีกหนึ่ง Commitment ของ Samsung ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตามคอนเซปต์ Everyday Sustainability ไม่ว่าจะเป็นใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม วัสดุรีไซเคิล และทำให้สินค้าใช้งานได้ยาวนาน และทำให้แน่ใจว่าเรามีการอัพเดทซอฟท์แวร์มากขึ้น ผลิตสินค้าที่เป็นที่ไว้วางใจจนกระทั่งสิ้นสุดวงจรของสินค้า
ผู้บริหาร Samsung ระบุว่า ซึ่งในเรื่องของความยั่งยืนในสมาร์ทโฟนไลน์อัพ Galaxy นั้นมี 3 ส่วนสำคัญด้วยกัน นั่นก็คือ
“1. เน้นไปที่เทคโนโลยีนวัตกรรมที่ใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รีไซเคิลได้ และหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อให้มีความยั่งยืน ไม่เฉพาะวิธีที่มีอยู่แล้วแต่จะนำทางสู่เส้นทางใหม่ๆในอุตสาหกรรมในเรื่องความยั่งยืน 2. เรื่องของประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงาน เพื่อลดการใช้พลังงานลง ซึ่ง Samsung พัฒนาเรื่องการใช้พลังงานแบตเตอรี่มาตั้งแต่ต้นและจะพัฒนาต่อไป เพื่อทำให้มีการใช้พลังงานให้น้อยที่สุด”
“และ 3. คือเรื่องของการใช้งานสินค้าที่ยืนยาว เราต้องการให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยาวนานลดการใช้ทรัพยากร และสร้างความพอใจให้กับผู้ใช้งานด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีของเรา” ทีเอ็ม โรห์ ระบุ
คุณทีเอ็ม โรห์ เปิดเผยด้วยว่า Samsung Galaxy S23 ยังใช้วัสดุรีไซเคิลเพิ่มขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ฝาหลังรวมถึงสีที่ผลิตขึ้นมานั้นก็ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และหากดูที่สีเมทัลลิคบริเวณขอบของ S23 นั้นก็เป็นสีที่สกัดมาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังใช้วัสดุจากทะเลอย่างเช่นแหหรืออวนจับปลาที่เป็นขยะมารีไซเคิลใช้กับหลายๆส่วน นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการผลิตสมาร์ทโฟนที่สามารถ “ซ่อมได้ง่ายขึ้น” เพื่อยืดอายุการใช้งานด้วย
สร้าง Ecosystem ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค
อีกหนึ่งกลยุทธ์ของ Samsung ก็คือการสร้าง Ecosystem ให้ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น นอกจากนี้ยังจะพัฒนาต่อไปในเรื่องของ Digital Health, wallet และฟังก์ชั่นใหม่ๆที่ทำให้ผู้บริโภคทำอะไรๆได้มากขึ้น ซึ่งทีเอ็ม โรห์ ยกตัวอย่างถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมประสบการณ์ภายในรถยนต์ ที่อุปกรณ์มือถือจะสามารถเข้าไปเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมนี้ได้ รวมไปถึงเทคโนโลยี 3D ประสบการณ์ Immersive Experience และ Metaverse ด้วย
คุณทีเอ็ม โรห์ ระบุว่าอีกมุมที่จะพัฒนาไปก็คือประสบการณ์เกี่ยวกับ VR and AR แบบที่ได้เคยเปิดเผยในงานเปิดตัวเกี่ยวกับ XR Ecosystem ที่เป็นมุมที่สำคัญสำหรับการเติบโต ซึ่งก็มีความต้องการมาจากผู้บริโภค และนั่นจะเป็นทิศทางที่ Samsung จะเดินไปในอนาคต
“สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ เทคโนโลยี หรือความสามารถของอุปกรณ์เพียงอย่างเดียว แต่เป็น Ecosystem ที่สามารถสร้างคุณค่าให้ผู้บริโภคได้ แม้ความก้าวหน้านี้จะต้องใช้เวลา แต่สิ่งนี้ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นเช่นกัน” ทีเอ็ม โรห์ ระบุ
เปิดโอกาสให้ทุกความเป็นไปได้กับ AI
ในเวลานี้ที่เทรนด์เทคโนโลยี AI อย่าง ChatGPT เป็นที่พูดถึงทีเอ็ม โรห์ เองก็มองเห็นถึงความเป็นไปได้ที่เทคโนโลยีนี้จะพัฒนาอุตสหกรรมอุปกรณ์มือถือด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะสำหรับ Samsung ที่มีการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับสมาร์ทโฟนอย่างต่อเนื่อง
ประธานธุรกิจ Mobile Experience ของ Samsung ระบุว่า ภายใต้หลักคิด Openness ของ Samsung เราไม่ได้คิดถึงแต่เฉพาะเทคโนโลยีของ ChatGPT แต่เราก็กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับ Microsoft Google, Meta รวมถึง Amazon เพื่อเปิดรับกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และเทคโนโลยี AI ใหม่ๆก็จะเป็นหนึ่งในแผนของเราในอนาคต
“เราต้องการทำให้แน่ใจว่าการตัดสินใจใดๆก็ตามที่จะเกิดขึ้นจะเกิดประโยชน์กับผู้บริโภคมากที่สุดและได้รับประสบการณ์ที่ดีกับสินค้าของ Samsung และ Samsung เองก็มีศูนย์วิจัยเกี่ยวกับ AI กระจายตัวอยู่ทั่วโลก เราจะร่วมมือกับพาร์ตเตอร์เพื่อวิจัยและหาเทคโนโลยี AI ใหม่ๆมาใช้ต่อไป” ทีเอ็ม โรห์ ปิดท้าย
นั่นคือวิสัยทัศน์ของคุณทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจ Mobile Experience ของซัมซุงเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการบุกตลาดอาเซียน ตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงและเป็นเป้าหมายของธุรกิจยักษ์ใหญ่ของโลก ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละกลยุทธ์ของ Samsung แสดงให้เห็นแล้วว่ามีศูนย์กลางอยู่ที่ผู้บริโภค ที่จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากทุกๆ Product และนั่นจะนำ Samsung ไปสู่เทคโนโลยีใหม่ๆและก้าวข้ามควาท้าทายต่างๆไปได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง