“ทุกครั้งที่เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิป SAMSUNG เปิดตัว Galaxy Studio เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ช่วยให้การใช้ชีวิตของผู้บริโภคสนุกขึ้น ถึงไม่ใช่ลูกค้า SAMSUNG แต่เมื่อเข้ามาในพื้นที่นี้ ทุกคนจะได้รับประสบการณ์เดียวกัน ได้เห็น ได้ทดลองใช้สินค้า รวมถึงโซนนวัตกรรมที่แนะนำฟีเจอร์เด่นของสมาร์ทโฟนแฟลกชิป” คุณวิชัย พรพระตั้ง รองประธานองค์กร ธุรกิจโทรคมนาคมและไอที ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เริ่มต้นเล่าถึงแนวคิดในการจัด Galaxy Studio ในประเทศไทย
สำหรับการจัด Galaxy Studio ในประเทศไทยนั้น ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก…แต่เป็นครั้งที่ 4 กับการนำเสนอฟีเจอร์ของสมาร์ทโฟน Galaxy S9 และ S9+ ซึ่งเป็นแฟลกชิปรุ่นล่าสุดของแบรนด์ ส่วนอีก 3 ครั้งที่ผ่านมา ถูกจัดขึ้นในปีที่ผ่านมา เพื่อรับกับการเปิดตัวรุ่น S8/S8+, Note8, ต้อนรับเทศกาลปีใหม่ ซึ่งทุกครั้ง SAMSUNG นำเสนอคอนเซปต์คล้ายกัน คือ การนำเสนอนวัตกรรมเพื่อทำให้ชีวิตคนไทยสนุกขึ้น เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่มาพร้อมแนวคิด “Where Innovation Meets Inspiration”
มองหาพื้นที่จัด Galaxy Studio ถาวร!
คุณวิชัย พูดถึงเรื่องนี้ว่า การตั้ง Galaxy Studio บนพื้นที่ถาวรนั้น เป็นเรื่องที่บริษัทพิจารณามาโดยตลอด แต่มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาประกอบ รวมถึงพื้นที่หลักซึ่งนิยมจัดงานอย่างลานพาร์ค พารากอน ก็เป็นพื้นที่ที่ไม่สามารถจัดสตูดิโอถาวรได้ แต่เมื่อมีโอกาสและพื้นที่นี้ว่างเราจะเข้ามาใช้พื้นที่ทันที เพราะมีความเหมาะสมหลายด้าน เดินทางสะดวก มีผู้คนผ่านและพบเห็นได้เป็นจำนวนมาก จึงเหมาะแก่การนำเสนอนวัตกรรมเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้มีประสบการณ์ร่วมกับนวัตกรรมของแบรนด์ SAMSUNG
สตูดิโอ แตกต่างกับ ช้อป อย่างไร?
สำหรับความแตกต่างระหว่าง Galaxy Studio กับ SAMSUNG SHOP คือ สตูดิโอของเราเป็นพื้นที่แนะนำนวัตกรรม ทำให้ผู้บริโภคได้เห็นและได้ทดลองใช้งานเทคโนโลยีที่จะช่วยอำนวยความสะดวกและทำให้ชีวิตประจำวันสนุก มีสีสันยิ่งขึ้น และไม่มีการขายสินค้าในพื้นที่นี้ แตกต่างกับช้อปที่เราเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ทดลองใช้ ได้สัมผัส และสามารถซื้อสินค้าได้ด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีความแตกต่างเรื่องพื้นที่ซึ่งสตูดิโอจะมีขนาดใหญ่ รองรับเทคโนโลยีหลากหลายด้านรวมถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ส่วนภาพรวมนั้นมีความคล้ายคลึงกันในด้านดีไซน์และมูสแอนด์โทน
ไทยได้สิทธิ์ จัด Galaxy Studio ผสานไลฟ์สไตล์ครั้งแรกของโลก!
การจัด Galaxy Studio ในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีโซน Outdoor ซึ่งเราเรียกพื้นที่ดังกล่าวว่า Galaxy Street เพื่อผสานแหล่งรวมความคิดสร้างสรรค์ ดิสเพลย์แนวอาร์ต มุมถ่ายภาพ มีไลฟ์ดีเจ และคาเฟ่ เพื่อกลุ่มมิลเลนเนียลได้เข้ามาใช้พื้นที่อย่างสร้างสรรค์และสนุกสนาน เรื่องนี้ถือเป็นการสะท้อนความสำคัญของประเทศไทยว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่แบรนด์ SAMSUNG ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ
“โซน Galaxy Street ถือเป็นการนำเสนอเรื่องราวไลฟ์สไตล์เพิ่มเติมจากนวัตกรรมของ SAMSUNG ซึ่งทุกครั้งที่จัด Galaxy Studio เป็นงบประมาณสนับสนุนจากเฮดควอเตอร์ ดังนั้น การที่ไทยได้รับสิทธิพิเศษ ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมด้วยรูปแบบใหม่ๆ ก็ถือเป็นการสะท้อนและย้ำความสำคัญว่าเราเป็น Tier 1 ของ SAMSUNG”
เมื่อแบรนด์คู่แข่งกำลังจะรุกไทย ด้วยการเปิดสโตร์…
“เรื่องที่คู่แข่งจะเข้ามาเปิดสโตร์เป็นครั้งแรกในไทย ผมว่าเราไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะตอนนี้ SAMSUNG มีช้อปมากกว่า 100 แห่งในไทยและเราเปิดมานานหลายปีแล้ว และจำนวนดังกล่าวก็ถือว่าเพียงพอต่อการรองรับความต้องการของลูกค้าและเราดูแลบริหารได้ค่อนข้างดี สเต๊ปต่อไปสำหรับช้อปเราน่าจะเป็นเรื่องรีโนเวชั่น ปรับปรุงให้ล้ล้ำสมัยยิ่งขึ้น ในฐานะลีดเดอร์ตลาดมือถือของไทยตลอด 7-8 ปีมานี้ ผมว่าความท้าทายของเราคือการเรียนรู้ การทำงานกับตัวเอง และพัฒนาตัวเอง ต้องมองว่าจะนำนวัตกรรมเข้ามาตอบโจทย์ชีวิตผู้คนอย่างไรมากกว่า”
สำหรับ Galaxy Studio จะเปิดให้สามารถใช้งานได้ถึงวันที่ 10 มิถุนายนนี้ ณ ลานพาร์ค พารากอน โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ ให้ได้ทดลองใช้ผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์เด่นของ Galaxy S9 และ S9+ อาทิ
Interactive Table โต๊ะแสดงฟีเจอร์การทำงานของสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นดังกล่าวแบบแสดงผลบนหน้าจอที่ฝังลงบนโต๊ะขนาดใหญ่
Super Slow-mo มุมมองใหม่ของการบันมึกภาพเคลื่อนไหวแบบสโลว์ 960 เฟรมต่อวินาที
AR Emoji Gallery การสร้างเออาร์อีโมจิแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านหน้าจอ LED
Galaxy Fitness ท้าพิสูจน์ร่างกายด้วยกิจกรรมสกีในธีม Alpine Skiing พร้อมสวมเกียร์ ฟิต 2 โปร เพื่อวัดอัตราการเต้นของหัวใจและแสดงแคลเลอรี่ที่เผาผลาญแบบเรียลไทม์
4D VR ตะลุยดินแดนเหนือจินตนาการในเกมเสมือนจริง Treasure Hunter และ Winter Ride ผ่านแว่นตาเกียร์ วีอาร์ ที่ควบคุมด้วยคอนโทรลเลอร์ และเพิ่มความตื่นเต้นด้วย Sway Chair เก้าอี้ที่เคลื่อนไหวตามเนื้อหาภายในเกม
Accessories Wall พื้นที่โชว์เคสสมาร์ทโฟนและแอคเซสเซอรี่ให้ทุกคนได้ทดลอง