เมื่อโลกเดินหน้าเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัวธุรกิจในอุตสาหกรรมแทบทุกด้านทั้งงานในออฟฟิสและงานภาคสนามก็จำเป็นที่จะต้องมีอุปกรณ์มือถือ (Mobile Device) ที่ประมวลผลรวดเร็ว ตอบสนองต่อความต้องการในสถานที่ทำงาน รวมไปถึงมีความปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่มากกว่าอุปกรณ์ส่วนบุคคล
ความต้องการที่เกิดขึ้นนี้เป็นโอกาสให้ “ซัมซุง” (Samsung) ขยายไลน์ธุรกิจใหม่ในชื่อว่า “Galaxy for Work” โดยมีอุปกรณ์ที่ครอบคลุมทั้งการทำงานสำหรับพนักงานออฟฟิสที่ปัจจุบันทำงานแบบ Hybrid หรือ Work From Any Where มากขึ้นโดยจะมีอุปกรณ์ใน Galaxy Enterprise Edition รองรับ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่ตอบสนองความต้องการในงานภาคสนามที่ต้องการความถึกทนอย่าง Galaxy Rugged Series ที่ทนทานเป็นพิเศษขึ้นมาให้เลือก โดยทั้งหมดนี้ Samsung เลือกพัฒนาขึ้นมาจาก Samsung Galaxy Ecosystem ที่มีอุปกรณ์อยู่หลากหลายอยู่แล้วในตลาด
ตลาดเปลี่ยนแปลงสู่ความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
เหตุที่ซัมซุงลงมาเล่นในตลาดนี้เพราะพบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยองค์กรในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงมาทำงานแบบที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นโดยไม่จำกัดสถานที่เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่โดยพบว่า
- 82% ขององค์กรมีการใช้นโยบายนี้
- 13% กำลังเตรียมใช้นโยบายนี้ในอีกไม่เกิน 1 ปีข้างหน้า
- 89% ของพนักงานมองว่าอุปกรณ์สื่อสารคือสิ่งสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ส่วนในมุมของนายจ้างก็มีความต้องการด้านประสิทธิภาพในการทำงาน การบริหารจัดการข้อมูลและอุปกรณ์แบบรวมศูนย์ รวมไปถึงความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงกว่าอุปกรณ์ส่วนบุคคล รวมไปถึงมีความสมบุกสมบันทนต่อการตกกระแทกและความท้าทายในสถานที่ทำงานรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ผลสำรวจพบว่าตลาดของอุปกรณ์ Rugged ทั่วโลกเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยปี 2566 มีมูลค่าตลาดราว 4,900 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ โดยจะเติบโตเป็น 6,700 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ หรือเติบโตราว 7.8% ในปี 2570 โดยความนิยมใช้งานจะอยู่ที่ธุกิจขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมและรีเทลตามลำดับ นั่นจึงเป็นเหุตผลให้เกิดโมเดลธุรกิจ Galaxy for Work ขึ้น
Galaxy for Work คืออะไร?
Galaxy for Work คืออุปกรณ์ที่พัฒนาขึ้นจาก Samsung Galaxy Ecosystem ที่เพิ่มความสามารถเพื่อให้ตอบสนองต่อการทำงานสำหรับองค์กรได้มากขึ้นทั้งด้านการบริหารจัดการ การจำกัดและการเข้าถึงแอปพลิเคชั่นต่างๆ การเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ การบริหารจัดการอุปกรณ์รวมถึง การรักษาความปลอดภัยโดยจะแบ่งไลน์อัพออกเป็น 2 รูปแบบก็คือ
1. Galaxy Enterprise Edition
พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนององค์กรในภาคธุรกิจที่หลากหลายโดยความแตกต่างกับ Samsung Galaxy ที่ขายให้ลูกค้าทั่วไปก็คือ
-
- ขยายระยะเวลารับประกันให้เป็น 2 ปี
- ปล่อยอัพเดทด้านความปลอดภัยยาวนานถึง 5 ปี
- แถมบริการ Knox Suite โซลูชั่นบริหารจัดการอุปกรณ์ขององค์กรนาน 1 ปี ทำให้สามารถ Deploy อุปกรณ์จำนวนมากพร้อมๆกันได้อย่างรวดเร็ว
Galaxy Enterprise Edition มีทั้งสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตให้เลือก ประกอบด้วย
- Galaxy S23 FE EE
- Galaxy A15 EE
- Galaxy Tab A9 EE
- Galaxy Tab S9 FE EE
2. Galaxy Rugged Series
เหมาะกับการทำงานที่มีความท้าทายและความเสี่ยงสูง ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใดก็สามารถทำงานได้ โดยอุปกรณ์ซีรีส์นี้จะตอบโจทย์ในด้านความทนทาน ความต่อเนื่องในการใช้งาน และความปลอดภัย กันน้ำกันฝุ่นระดับสูง หน้าจอมีความแข็งแกร่ง ทนทานระดับ Military Grade โดยจะได้รับการรับประกันการอัพเดทด้านความปลอดภัยและแถมบริการ Knox Suite เช่นกัน โดย Galaxy Rugged Series มีทั้งสมาร์ทโฟนและแทปเล็ตเช่นกันประกอบด้วย
- Galaxy XCover6 PRO
- Galaxy Tab Active4 PRO
- Galaxy XCover7 (ใหม่)
- Galaxy Tab Active5 (ใหม่)
Galaxy Rugged Series จะมีฟีเจอร์และความสามารถด้านความอึดถึกทนเพิ่มขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น
-
- Scan – มีซอฟท์แวร์ที่มาพร้อมกับ Knox Suite ช่วยให้สแกนบาร์โค้ดต่างๆได้ดีขึ้นเร็วขึ้นเหมาะกับธุรกิจด้าน Retail และ Logistic
- Push to Talk – ฟีเจอร์ที่เหมือนกับวิทยุสื่อสารใช้งานผ่านอินเตอร์เน็ตไม่ต้องกังวลสัญญาณรบกวนเหมาะกับหลายๆอุตสาหกรรม
- Glove Touch – เหมาะกับงานที่จำเป็นต้องใส่ถุงมือเช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุข หรืองานในโรงงานมีหน้าจอที่ออกแบบมาให้สามารถสัมผัสด้วยถุงมือได้
- สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ช่วยบริหารจัดการเครื่องให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้นได้
- No Battery Mode – มีโหมดที่สามารถใช้งานได้โดยการเชื่อมต่อสายไฟโดยไม่ต้องใส่แบตเตอรี่ได้สำหรับสภาพแวดล้อมที่มีความร้อนเช่นบนรถสาธารณะ รถขนส่ง โรงงานอุตสาหกรรม หรือต้องตากแดดแรงๆโดยฟังก์ชั่นนี้มีให้ตั้งแต่ Galaxy Tab Active 3 เป็นต้นมาแล้ว
กลยุทธ์ Galaxy for Work 2024
คุณภาณุพัฒน์ เกษมสุข หัวหน้ากลุ่มธุรกิจองค์กร โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่ากลยุทธ์ที่จะเดินหน้าไปในปี 2024 นี้คือการสร้าง B2B Ecosystem อย่างยั่นยืนโดยเน้นไปที่ 3 เรื่องคือ
- เพิ่มกลุ่มสินค้าและการบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าองค์กรมากขึ้น มีผลิตภัณฑ์ที่ครบครันทุกไลน์ และพัฒนาเพื่อเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวขึ้น พร้อมการรับประกัน 2 ปี และการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดยลูกค้าสามารถส่งเครื่องเข้าบริการได้ทุกสาขาในประเทศไทย
- ต่อยอด Samsung ONE ดิจิทัลแพลตฟอร์มที่ช่วยเพิ่มช่องทางในเข้าถึงข้อมูลทางเทคนิครวมทั้งกิจกรรมการตลาดต่างๆจากทางซัมซุงสำหรับพาร์ทเนอร์และคู่ค้าโดยเฉพาะ
- ขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับตัวแทนจำหน่าย และผู้ให้บริการเครือข่าย ในด้านการขายและการตลาด เพื่อเตรียมความพร้อมในการให้บริการลูกค้า
Galaxy for Work นับเป็นอีกโมเดลธุรกิจที่น่าสนใจของ Samsung ที่จับเอาเทรนด์การเปลี่ยนแปลงไปของวัฒนธรรมการทำงานในปัจจุบัน บวกกับความได้เปรียบของการมีอุปกรณ์ให้เลือกหลากหลายรุ่นหลากหลายระดับราคาสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะกับการทำงานตอบสนองทั้งสำหรับนายจ้างและคนทำงานหน้างานในทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งก็ต้องจับตากันต่อไปว่าโมเดลธุรกิจนี้จะเติบโตไปอย่างไรในปีนี้