จาก Pain Point ในการเข้าถึงบริการเติมเงินมือถือ (Prepaid) ไม่ว่าจะเป็นความยากลำบากในการเข้าถึงช่องทางเติมเงิน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทห่างไกล หรือการที่ไม่สามารถเติมเงินค่าโทรได้ในยามจำเป็นเพราะหลายช่องทางไม่ได้เปิดบริการ 24/7 กลายเป็นที่มาของนวัตกรรมที่เรียกว่า “ตู้เติมเงินมือถือ”
มาวันนี้ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ผลิตและพัฒนาเทคโนโลยีตู้เติมเงินรายใหญ่ของเมืองไทย ภายใต้ชื่อ “ตู้เติมสบายพลัส” ได้เล็งเห็นถึงอีก Pain Point ของผู้บริโภคในพื้นที่ห่างไกลในการเข้าถึงบริการจำหน่ายและเปิดใช้งาน (Activate) ซิมมือถือ จึงได้จับมือกับกลุ่มทรูเจ้าของ “ซิมทรูมูฟ เอช” เปิดให้บริการตู้จำหน่ายซิมการ์ดทรูมูฟเอช พร้อมด้วยเทคโนโลยีในการยืนยันตัวตน ที่ทำให้การซื้อซิม เปิดใช้งานซิม และเติมเงินเข้าซิม เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จบได้ที่ตู้เติมสบายพลัส (รุ่นใหม่) เพียงตู้เดียว
เปิดตัวนวัตกรรม “ตู้จำหน่ายซิมการ์ดทรูมูฟ เอช”
คุณซูเกียรดิ รุจนพรพฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ร่วมทำธุรกิจกับกลุ่มทรูมานานกว่า 4 ปี โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อมาช่วยเสริมสร้างความสะดวกสบายและตอบสนองความต้องการของลูกค้าทรูมาโดยตลอด ทั้งลูกค้าระบบเติมเงิน (Prepaid) และระบบรายเดือน (Post paid) ไม่ว่าจะเป็นการเติมเงินค่าโทร หรือการจ่ายบิลทรูมูฟ รวมถึงการใช้คะแนนทรูพอยต์แลกเป็นค่าโทรหรือค่าเน็ต
“มาวันนี้ เราตื่นเต้นมากที่จะบอกว่า “เติมสบายพลัส” ได้ร่วมมือกับกลุ่มทรู ในการพัฒนาความสะดวกสบายให้กับลูกค้าทรูขึ้นมาอีกขั้น ด้วยบริการจำหน่ายซิมการ์ดผ่านตู้เติมสบายพลัสรุ่นใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีในการยืนยันตัวตน ทำให้หลังจากซื้อซิมเสร็จ ลูกค้าสามารถลงทะเบียนซิมและยืนยันตัวตน เพื่อเปิดใช้งาน (Activate) ซิมได้ทันที ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที จากนั้นก็เติมเงินเข้าเบอร์ใหม่นั้นผ่านตู้เดียวกันนี้ เรียกว่าครบจบในตู้เดียว หรือ One-stop Shop เพียงเท่านี้ลูกค้าทรูก็สามารถใช้งานมือถือได้แล้ว ซึ่งถือเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่ยังไม่มีที่ไหนในเอเชีย หรืออาจจะในโลกเลยก็ว่าได้”
สำหรับมาตรฐานในการยืนยันตัวตน คุณชูเกียรติย้ำว่า เป็นการพัฒนาระบบร่วมกันระหว่างกลุ่มทรูและกลุ่มเติมสบายพลัส โดยให้ความสำคัญอย่างมากกับเรื่องของความปลอดภัยด้านข้อมูลบุคคล และความถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของ กสทช. และเป็นระบบที่ได้มาตรฐานระดับโลก
“การเปิดตัวตู้จำหน่ายซิมอัตโนมัติที่สามารถพิสูจน์ตัวตนและ activate ซิมได้ด้วย ครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวทางของช่องทางจำหน่ายซิมการ์ด นั่นแปลว่าหลังจากนี้คุณสามารถซื้อซิมใหม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมงและเรากำลังทำให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ”
คุณชูเกียรติให้ข้อมูลว่า แม้ปัจจุบัน จำนวนเบอร์มือถือจะสูงกว่าจำนวนคนไทยไปแล้วก็ตาม แต่ตู้จำหน่ายซิมก็ยังมีโอกาสเติบโต เพราะเขาพบว่าค่าเฉลี่ยของคนที่ใช้บริการมือถือระบบพรีเพด โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มักจะใช้ซิมเติมเงินเบอร์เดิมไม่ค่อยนาน เฉลี่ยประมาณ 4-6 เดือน จะมีการเปลี่ยนซิม/เบอร์ใหม่ครั้งนึง ดังนั้น ตู้เติมสบายพลัสรุ่นใหม่นี้จะยิ่งทำให้คนกลุ่มนี้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
คุณสุภกิจ วรรธนะดิษฐ์ หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่ม ด้านการพาณิชย์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบัน ตู้เติมเงินนับเป็นช่องทางหลักของลูกค้าทรูในการเติมเงินมือถือ คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 40% เมื่อเทียบกับการเติมเงินมือถือทุกช่องทางรวมกัน
“ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคยุคปัจจุบันที่นิยมบริการแบบ Self-Service การเติมเงินมือถือผ่านตู้เติมเงินจึงได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เนื่องจากมีข้อดีหลายอย่าง เช่น สะดวกสบาย อยู่ใกล้บ้าน เปิดตลอด 24 ชั่วโมง/ 7 วัน มีเงินน้อยก็เติมได้ เพราะเริ่มต้นที่ 10 บาทได้ เป็นต้น มาวันนี้ ตู้เติมเงินสบายพลัสก้าวหน้าไปอีกขั้น เพราะไม่เพียงเติมเงินมือถือและจ่ายบิลทรูมูฟได้ แลกทรูพอยต์ได้ ยังจำหน่ายซิมได้ พร้อมทั้งสามารถยืนยันตัวตนเพื่อเปิดใช้งานซิมได้ง่ายๆ โดยทำทั้งหมดนั้นผ่านนวัตกรรมตู้เติมเงินของ “เติมสบายพลัส” รุ่นใหม่ได้อย่างครบวงจร”
ทั้งนี้ ตู้จำหน่ายซิมการ์ดทรูมูฟ เอช จะเริ่มให้บริการภายในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยเฟสแรกตั้งเป้าไว้ 1,000 ตู้ ในพื้นที่เฉพาะและพื้นที่ห่างไกลเช่น นิคอุตสาหกรรม โรงงาน สถานศึกษา
หอพัก ชุมชน หมู่บ้าน ฯลฯ เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้กับลูกค้าทรูในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
“ปัจจุบัน เครือข่ายสัญญาณ 4G ของทรูมูฟครอบคลุม 98% ของพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในบางพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ปิดหรือเข้าถึงยาก ช่องทางจำหน่ายซิมทรูมูฟ เอช อาจยังเข้าไปไม่ถึง เราก็หวังว่าตู้จำหน่ายซิมอัตโนมัติตู้นี้จะช่วยเพิ่มโอกาสของกลุ่มทรูในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ช่องทางจำหน่ายในปัจจุบันของเรายังเข้าไม่ถึง รวมถึงช่วยกระจายช่องทางจำหน่ายของทรูไปในพื้นที่ต่างๆ ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อให้ลูกค้าทรูได้ใช้บริการอย่างสะดวกสบายและจบในที่เดียว” ผู้บริหารกลุ่มทรู กล่าว
ปัจจุบัน ลูกค้าทรูมูฟ เอซ มีประมาณ 29 ล้านคน เป็นระบบเติมเงิน(พรีเพด) ถึง 22 ล้านคน ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา ตลาดพรีเพดตกมาตลอด แต่มีเพียงกลุ่มทรูที่รายได้เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด และมีรายได้เติบโตต่อเนื่องมา 6 ปี และเป็นผู้ให้บริการเครือข่ายรายเดียวในตลาดที่ยอดขายซิมการ์ดระบบพรีเพดยังคงเติบโต โดยปีที่ผ่านมา จำนวนลูกค้ามือถือระบบพรีเพดของทรูโตเพิ่มขึ้น 2 ล้านหมายเลข (New Subscription) ขณะที่ตลาดพรีเพดโดยรวมเพิ่มขึ้นเพียง 1.6 ล้านหมายเลข
“ผมเชื่อว่าตู้จำหน่ายซิมทรูมูฟ เอช จะทำให้เรามี New Subscription เพิ่มขึ้น เพราะอาจมีบางคนที่อยู่พื้นที่ห่างไกล อาจจะอยากเปลี่ยนซิม เพราะเครือข่าย 4G ของทรูครอบคลุมเป็นอันดับ 1 แต่ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเพราะอาจจะไม่สะดวกเข้าเมือง ดังนั้น ต่อไปคนกลุ่มนี้ก็เปลี่ยนซิมเองได้ โดยมาซื้อarซิมใหม่และลงทะเบียนซิมใช้งานซิมผ่านตู้เติมสบายพลัสได้เลย” คุณสุภกิจทิ้งท้าย
รับซิมการ์ดใหม่ ในไม่กี่ขั้นตอน กับเวลาไม่ถึง 1.30 นาที
เพื่อทดสอบให้เห็นว่าบริการจำหน่ายซิมอัตโนมัติของตู้เติมสบายพลัสรุ่นใหม่สามารถทำงานได้ง่าย ใช้งานได้จริง และสำเร็จได้ในเวลาอันสั้น คุณชูเกียรติจึงได้ทดลองซื้อซิมผ่านตู้จำหน่ายอัตโนมัติด้วยตัวเอง
เริ่มจาก เลือกบริการของ true –> เลือกบริการซื้อซิม true move H –> เสียบบัตรประชาชนที่ช่องสำหรับเสียบบัตร เพื่อให้ระบบอ่านข้อมูลและดึงข้อมูลชื่อและภาพถ่ายตามบัตรประชาชนมาแสดงตัวตน –> เมื่อระบบอ่านข้อมูลเสร็จสิ้น (ใช้เวลา 10-12 วินาที) เอาบัตรประชาชนออก –> ถ่ายรูปใบหน้าผู้ซื้อซิมผ่านกล้องที่ตู้ โดยกล้องจะตรวจสอบกับรูปถ่ายในบัตรประชาชนเพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน (ถ้าใบหน้าไม่ตรงกับภาพถ่ายในบัตรประชาชน ระบบจะไม่ยอมรับ และจะไม่สามารถผ่านขั้นตอนนี้) –> เมื่อระบบยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน หน้าจอจะแสดงข้อมูลตัวตนตามบัตรประชาชนและใบหน้าจากการถ่ายรูป พร้อมทั้งเลขหมายของซิม และราคาค่าซิม (โดยปกติอยู่ที่ 50 บาท) –> ใส่ธนบัตรหรือเหรียญในช่องรับธนบัตรหรือช่องหยอดเหรียญจนครบจำนวน –> ซิมการ์ดจะออกมาที่ช่องรับซิมการ์ด โดยขั้นตอนทั้งหมดนี้ใช้เวลาไม่ถึง 1.30 นาที
ทั้งนี้ คุณชูเกียรติบอกว่า ไม่เกินครึ่งแรกของปีนี้ บริษัทฯ จะเปิดให้สามารถเลือก “เบอร์สวย” ผ่านตู้จำหน่ายซิมการ์ดอัตโนมัตินี้ได้ด้วย และในอนาคต ยังอาจจะมีความร่วมมือในการพัฒนาไปอีกก้าวด้วยการจ่ายค่าซิมการ์ดผ่าน True Money Wallet อีกด้วย
“จากเทคโนโลยีในการพิสูจน์ตัวตนที่เราทำสำเร็จ โดยเริ่มจากการนำมาใช้กับการจำหน่ายซิมการ์ดและลงทะเบียนยืนยันตัวผ่านตู้จำหน่ายซิม ด้วยเทคโนโลยีเดียวกันนี้ เรายังสามารถต่อยอดไปสู่การทำ e-KYC หรือการพิสูจน์ตัวตนสำหรับเปิดบัญชีธนาคาร บัญชีหุ้น ตลอดจนบัญชี e-Money ได้ด้วย ซึ่งภายในปีนี้ อาจจะได้เห็นตู้เติมสบายพลัส เปิดฟีเจอร์ (Feature) “e-KYC” ด้วยก็เป็นได้” คุณชูเกียรติ กล่าว
ปัจจุบัน ตู้เติมสบายพลัสมีกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยกว่า 51,000 ตู้ โดยภายในสิ้นปี้นี้จำนวนน่าจะเพิ่มเป็น 60,000 ตู้ โดยคุณชูเกียรติให้เหตุผลที่ไม่เพิ่มปริมาณตู้เยอะเพราะว่า ยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในปีนี้คือ มุ่งเน้นที่จะเพิ่มรายได้ให้กับแต่ละตู้เพิ่มขึ้น ด้วยการทยอยใส่ฟีเจอร์ใหม่ๆ เข้าไปเพิ่มเติม
นอกจากเติมเงิน/จ่ายบิลมือถือที่ทำได้ทุกค่าย ปัจจุบัน ตู้เติมสบายพลัสยังมีบริการอีกหลากหลาย เช่น รับชำระค่าน้ำค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต เติมเงินเข้า e-Wallet ซื้อสติ๊กเกอร์ไลน์ เติมเกมส์ออนไลน์ ซื้อประกันอุบัติเหตุและพรบ.ประกัน รับชำระค่าสินค้าและบริการ ตลอดจนยังรับโอนเงิน-ฝากเงินเข้าธนาคาร เสมือนเป็น Banking Agent ให้กับธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และกำลังจะเป็นตัวแทนให้กับธนาคารออมสินในเร็วๆ นี้ด้วย
