สังคมไร้เงินสด หรือ Cashless Society อาจเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในหลายๆ ประเทศ แต่ยังไม่ใช่ในประเทศไทย และเมื่อเราอยู่ในยุคที่คนไทยมีอัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสูงติดอันดับต้นๆ ของโลก จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่จะได้เห็นความพยายามจากฟากผู้ให้บริการ ในการปลุกปั้นให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมใช้จ่ายด้วย Digital Money เช่นเดียวกับครั้งนี้ ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง 3 พาร์ทเนอร์รายใหญ่ อย่าง AIS ผู้นำในการให้บริการเครือข่ายมือถือ , LINE ผู้นำแพลทฟอร์มการแชท และ rabbit LINE Pay ผู้นำบริการชำระเงินแบบ Micro Payment เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แพลทฟอร์มการชำระเงินบนมือถือผ่านช่องทางการใช้งานที่คนไทยคุ้นเคย อย่างแอปพลิเคชั่น LINE และ myAIS ด้วยบริการ rabbit LINE Pay
“การใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นหนึ่งในกลไกของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นการสร้างพฤติกรรมใหม่ให้การใช้จ่ายของคนไทย ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้แพลทฟอร์มของเรากลายเป็นที่ 1 ของการชำระเงินทางมือถือได้ภายใน 3 ปีอย่างแน่นอน ซึ่งความท้าทายเดียวที่เราเป็นห่วงคือการเปิดรับบริการของผู้บริโภค แต่ขณะเดียวกันก็เชื่อว่าคนไทยมีทักษะและเปิดรับเทคโนโลยีได้ดีอยู่แล้ว เมื่อรวมกับความแข็งแกร่งในการเป็นโลคัลแพลทฟอร์มก็ยิ่งสร้างความมั่นใจว่าภาพรวมบริการโมบายมันนี่ของไทยจะเติบโตและแข็งแรงขึ้น” คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท แอดวานซ์ เอ็มเปย์ จำกัด และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าว
ด้าน คุณปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS อธิบายเพิ่มเติมว่า จากเดิมที่บริษัทมี mPAY เป็นช่องทางรับชำระค่าบริการและบิลต่างๆ รวมกว่า 200 รายการ ซึ่งถือเป็นช่องทางรับชำระบิลที่มากที่สุดช่องทางหนึ่ง แต่วันนี้เรากำลังจะทำให้ Digital Money กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถใช้ได้ทุกวัน และจากปัจจุบันที่มีจุดเติมเงิน 1-2-Call ราว 200,000 จุดทั่วประเทศ อนาคตก็จะมีการต่อยอดสู่ช่องทางสนับสนุนการใช้ Digital Money รวมถึงลูกค้าที่เปิดซิมใหม่ปัจจุบันก็จะมีกระเป๋าเงินออนไลน์เปิดให้พร้อมใช้งาน รวมถึงจุดใช้บริการ ระบบขนส่งมวลชน ร้านค้า และร้านค้าออนไลน์ ก็รองรับบริการดังกล่าวอย่างทั่วถึงแล้ว หรือแม้แต่การโอนเงินให้กันก็สามารถทำได้ โดยเราไม่ได้มองว่าแพลทฟอร์มดังกล่าวจะเป็นคู่แข่งกับบริการโมบายแบงกก์กิ้งเนื่องจากไม่มีคุณสมบัติการฝาก-ถอนเงิน แต่มีความสำคัญในการรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการใช้ Digital Money
“บริการนี้ถือเป็นการเมิร์ซบริการกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของคอนซูเมอร์เข้าด้วยกัน หลังจาก mPAY เปิดให้บริการมามากกว่า 10 ปี โดยปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่ม B2B ใช้บริการรวม 20,000-30,000 ราย ส่วนลูกค้าคอนซูเมอร์ลงทะเบียนราว 2 ล้านราย และมีการใช้งานสม่ำเสมอราว 300,000-400,000 ราย ซึ่งความร่วมมือกับ LINE และ rabbit ในครั้งนี้จะกลายเป็นการปลดล็อกการใช้บริการจากแพลทฟอร์มเพื่อลูกค้า AIS เป็นแพลทฟอร์ม Digital Money เพื่อคนไทยโดยไม่จำกัดเครือข่าย ซึ่งลูกค้า AIS สามารถใช้งานได้จากแอป myAIS ส่วนผู้บริโภคทั่วไปสามารถใช้งานได้จากแอป LINE ซึ่งเป็นแพลทฟอร์มที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากทั้งลูกค้าของ AIS LINE และ rabbit ยิ่งทำให้เชื่อว่าจำนวนผู้ใช้งานจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเห็นได้ชัดเจนในเร็วๆ นี้”
ทั้งนี้ การร่วมทุนระหว่าง AIS , LINE และ rabbit เป็นการร่วมทุนโดยแบ่งเป็น 3 ราย ถือหุ้นร่วมกันรายละ 33.33% ภายใต้งบประมาณการลงทุนรายละ 600 ล้านบาท
คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด หรือ rabbit และรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) กล่าววว่า จากวิสัยทัศน์ในการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งมวลชน ด้วยจำนวนสมาร์ทการ์ดอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมีฐานผู้ใช้งานกว่า 8.5 ล้านใบ ที่สามารถใช้งานร่วมกับบริการขนส่งมวลชนได้หลากหลาย อาทิ BTS , BRT , เรือด่วน รวมถึงการเป็นผู้ให้บริการชำระเงินในรูปแบบ Micro Payment ผ่านร้านค้าปลีกกว่า 5,000 จุด และความร่วมมือกับ KERRY Express ผู้นำด้านลอจิสติกส์ สู่ความร่วมมือในการให้บริการ rabbit LINE Pay เชื่อว่าจะยิ่งเป็นการขับเคลื่อนบริการทางการเงินผ่านออนไลน์และผลักดันประเทศไทยสู่ Cashless Society
คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้จัดการ LINE ประเทศไทย กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นพาร์ทเนอร์ชิพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนไทยสู่ Cashless Society อำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้บริโภค ไม่ต้องพกเงินสด หรือกระเป๋าเงินเพื่อใช้จ่าย แต่สามารถใช้มือถือเครื่องเดียวทั้งสื่อสารและเป็นกระเป๋าเงินได้พร้อมกัน ผ่านแพลทฟอร์มของ LINE และ AIS สู่ rabbit LINE Pay โดยเฉพาะแพลทฟอร์มของ LINE ก็สามารถใช้จ่ายได้ทั้งการช้อปปิ้งออนไลน์ LINE MAN และ LINE TAXI ในขณะที่ประชากรไทยกว่า 87% ยังไม่มีบัตรเครดิต
คุณจินวู ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร rabbit LINE Pay อธิบายเพิ่มเติมว่า จากปี 2016 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ rabbit LINE Pay ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้งานราว 3 ล้านราย และมีปริมาณการใช้งานเฉลี่ย 1.5 ล้านรายต่อวัน โดยในปีนี้บริษัทได้เปิดตัวพาร์ทเนอร์ครั้งสำคัญร่วมกับ AIS และ LINE ส่วนในเดือนมิถุนายนจะมีการเปิดตัวบริการใหม่ร่วมกับ BTS ขณะเดียวกัน เชื่อว่าจากจำนวนผู้ใช้งานแพลทฟอร์มต่างๆ อาทิ LINE 42 ล้านราย ซึ่งคิดเป็น 95% ของจำนวนผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนในไทย และมีการใช้งานเฉลี่ยถึง 1.03 ชม.ต่อวัน หรือลูกค้า AIS ที่มีมากเป็นอันดับ 1 จำนวน 40.1 ล้านราย หรือแม้แต่ KERRY Express ซึ่งถือเป็นพาร์ทเนอร์ออฟไลน์รายสำคัญของ rabbit LINE Pay ก็เชื่อว่าจะยิ่งส่งเสริมให้แพลทฟอร์มของเรากลายเป็นผู้นำการชำระเงินทางมือถือได้อย่างแน่นอน.