ลองจินตนาการถึงกระจกอัจฉริยะไม่ได้ใช้แค่ส่องเพื่อแต่งหน้า แต่ยังเช็คข้อมูลสภาพอากาศเรียลไทม์ ฟังเพลง หรือจะเล่นยูทูบก็ทำได้ด้วยกระจกบานเดียว
ล็อบบี้ส่วนกลางที่มีอากาศดีๆ ให้หายใจได้เต็มปอด ทั้งที่ออกจากบ้านไม่กี่ก้าวก็สู่ใจกลางเมือง
นวัตกรรมที่ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านได้ 1 องศา สร้างระบบหมุนเวียนถ่ายเทอากาศภายใน จนเหมือนบ้านหายใจได้
นอกจากนี้ เรายังสามารถสั่งงานเครื่องไฟฟ้าได้แม้ไม่อยู่บ้าน ด้วยเทคโนโลยี IoT ผ่านสมาร์ทโฟนในมือ ที่ทำให้ชีวิตง่ายแค่ปลายนิ้ว
ทั้งหมดที่ว่ามา เป็นแค่น้ำจิ้มของนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยของ “พฤกษา เรียลเอสเตท” บริษัทผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของไทย ที่เดินเกมบนแนวคิด ‘PRUKSA Living Tech’ นำเทคโนโลยีล้ำๆ มาใช้ในโครงการทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียมของบริษัทตั้งแต่ปีที่ผ่านมา
แม้ว่า นี่จะเป็นเทรนด์ซึ่งบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ค่ายต่างก็ทำกันในเรื่องการชูจุดเด่นในความทันสมัย ไฮเทคโนโลยี แต่สำหรับ พฤกษา เรียลเอสเตท กลับเลือกที่จะมองให้ลึกกว่านั้น และตั้งคำถามถึง ‘ความล้ำ’ ในบางประการว่า จำเป็นกับชีวิตปัจจุบันจริงๆ แค่ไหน หรือเป็นแค่จุดขายเพื่อสร้างความแตกต่างเท่านั้น
ยิ่งเมื่อพูดถึงเทคโนโลยี คนส่วนใหญ่คงแทบคิดไม่ออกว่า มันจะไปด้วยกันกับธรรมชาติได้อย่างไร เพราะแม้ชีวิตคนเราจะดีขึ้นได้ก็เพราะเทคโนโลยีล้ำๆ แต่ชีวิตที่ดีขึ้น ทันสมัยขึ้น รวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้นของผู้คนในปัจจุบัน ก็อาจต้องแลกมาด้วยความใกล้ชิดกับธรรมชาติที่ลดน้อยลง
การเลือกที่จะตีความเทคโนโลยีโดยใช้ “คุณภาพชีวิต” เป็นตัวตั้ง ก่อนจะคัดสรรเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใดๆ เพื่อเข้ามาตอบโจทย์การใช้ชีวิตให้กับลูกบ้านของพฤกษา จึงเกิดเป็นตัวอย่างนวัตกรรมอย่างที่เล่ามาข้างต้น
“พฤกษาเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ส่งมอบบ้านให้กับคนไทยสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งทุกปี เราอยากเห็นคนไทยมีบ้าน ที่ไม่ใช่แค่เพียงส่งมอบบ้านที่มีคุณภาพ แต่ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่แล้วมีความสุข” คุณสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์…….
เอ่ยถึงปรัชญาองค์กรที่เป็นแก่นคิดในการพัฒนาโครงการต่างๆ ของพฤกษาที่เน้นเรื่องความ “ใส่ใจ” เป็นสำคัญ
ด้วยความที่พฤกษามีแบรนด์สินค้าที่หลากหลาย จับกลุ่มเซ็กเมนต์ที่แตกต่างกัน เป็นจำนวนถึง 14 แบรนด์ ทั้งทาวน์เฮาส์ บ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม ซึ่งแน่นอนว่า ลูกค้าแต่ละกลุ่มก็มีไลฟ์สไตล์ ความชอบ ความสนใจที่แตกต่างกัน พฤกษาจึงต้องศึกษา Insight ของลูกค้าแต่ละกลุ่ม และเลือกนำเทคโนโลยีแต่ละอย่างเข้ามาใช้
เพื่อสามารถนำมาใช้ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละกลุ่มได้อย่างแท้จริง เป็นการ Add Value ให้สินค้าแต่ละประเภท และสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์สินค้าด้วย
โดยคุณสุพัตราได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้ พฤกษาชูแคมเปญ “PRUKSA Living Tech” เป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งต่อยอดมาจาก Brand Purpose ของพฤกษาที่ “ใส่ใจ…เพื่อทั้งชีวิต” โดยนำเทคโนโลยีมาใช้กับโครงการของพฤกษา
“เป็นการถ่ายทอดความใส่ใจ ลงลึกไปสู่แบรนด์สินค้าของพฤกษาทั้ง 14 แบรนด์ ผ่านการคัดสรรเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อสร้างที่อยู่อาศัยที่ทำให้คุณภาพชีวิตของคนไทยดีขึ้น โดย “PRUKSA Living Tech” เกิดจากแนวคิดการนำเทคโนโลยีที่ผสานกับนวัตกรรมทางธรรมชาติไว้อย่างลงตัวและเกิดจากการเข้าใจ Insight ของลูกค้าและคนไทยอย่างแท้จริง”
PRUKSA Living Tech ที่คุณสุพัตรากล่าวมานั้น ครอบคลุมการอยู่อาศัยทั้ง 4 ด้าน คือ Healthy, Green, Safety และ Smart ที่ถูกนำมา Add Value ให้กับสินค้าของพฤกษาทั้ง 14 แบรนด์
เริ่มจาก ‘Healthy’ เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น O2 System การติดตั้งเครื่องผลิตออกซิเจน คืนอากาศบริสุทธิ์สดชื่นเหมือนได้ไปพักผ่อนสูดหายใจได้เต็มปอดโดยไม่ต้องเดินทางไกลไปป่าเขา โดยระบบนี้ มีการติดตั้งไว้ในพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ห้อง O2 Lounge
ในบ้านของพฤกษาก็มีการใช้ Ventilation Door ประตูระบายอากาศอัตโนมัติ ให้บ้านเย็นสบาย ปลอดโปร่ง ไม่อับชื้น นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ Wellness Solution (Elder care) เพื่อรองรับสังคมสูงวัย
สำหรับ ‘Green’ เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อสังคมสิ่งแวดล้อม ก็จะเน้นเรื่องการลดใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยีอัจฉริยะต่างๆ อาทิ ระบบ Pruksa Fresh Air ที่ช่วยเรื่องระบบหมุนเวียนอากาศทำให้อุณหภูมิภายในบ้านเย็นลง 1 องศา ช่วยประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมแผงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Cell System ในพื้นที่ส่วนกลาง อาทิ บ่อบำบัดน้ำเสีย คลับเฮาส์ เพื่อลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
พร้อมด้วย Green Vertical Wall การปลูกต้นไม้แนวตั้ง และต้นไม้ฟอกอากาศ เพื่อช่วยกรองฝุ่นละออง และลดมลภาวะทางเสียง เป็นต้น
ในส่วนของ ‘Safety’ เทคโนโลยีการอยู่อาศัยเพื่อความปลอดภัย ก็สร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้านได้ด้วยมาตรฐานสากล อาทิ Triple Gate ระบบรักษาความปลอดภัยหน้าทางเข้าโครงการที่แน่นหนาถึง 3 ชั้น, Door and Window Magnetic Sensor ระบบเซ็นเซอร์แม่เหล็กประตูและหน้าต่าง ที่จะมีหน้าที่แจ้งเตือนเมื่อมีการงัดแงะประตูหรือหน้าต่าง
สุดท้าย คือ ‘Smart’ การเชื่อมต่อเทคโนโลยีการอยู่อาศัยแบบเรียลไทม์ เพื่อความสะดวกสบายของคนยุคดิจิทัล อาทิ Home Automation ควบคุมระบบภายต่างๆ ในบ้านง่ายด้วยปลายนิ้ว หรือกระจกอัจฉริยะ Smart Mirror ติดตั้งในห้องน้ำที่เชื่อมต่อโลกโซเชียลได้ทุกเวลา เป็นต้น
“เราเชื่อว่าที่อาศัยทุกโครงการภายใต้แบรนด์พฤกษาจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีเยี่ยม นำไปสู่ความภาคภูมิใจของลูกค้าที่ได้ร่วมเป็นเจ้าของโครงการที่อยู่อาศัยของพฤกษา ซึ่งเป็นความมุ่งหวังของสูงสุดของพฤกษาที่อยากเห็นคนไทยมีบ้าน และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” คุณสุพัตรา กล่าว
สำหรับใครที่สนใจนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยล้ำๆ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ข่าวดี คือ ขณะนี้ได้มีการเนรมิต อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก อารีย์ ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของพฤกษาให้เป็น “PRUKSA Living Tech Space” เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 6-16 มิถุนายน 2562 ที่จะพาทุกคนไปเปิดประสบการณ์ใหม่ในรูปแบบของ Glass House ที่ยกสวนสวยขนาดใหญ่พร้อมกับเทคโนโลยีการอยู่อาศัยสุดล้ำมาให้ได้สัมผัสของจริง
ไฮไลท์ของงานอยู่ที่ระบบ O2 System ที่พร้อมให้ทุกคนไปพิสูจน์กันได้ว่า อากาศดีๆ สามารถสร้างขึ้นได้ ไม่ต้องขึ้นเขาไปไกล โดยเปิดให้บริการเป็น Co-working space พร้อมฟรีไวไฟ ให้คนกรุงได้เข้ามาสูดอากาศบริสุทธิ์ ทำงานได้อย่างสบายใจ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจในแต่ละวัน อาทิ ตรวจสุขภาพฟรี, นวดบำบัดอากาศออฟฟิศซินโดรม นวดดัดจัดสรีระ บำบัดออฟฟิศซินโดรม กับวิสาหกิจสุขภาพชุมชน กิจกรรม “DIY เปลี่ยนขยะเป็นออกซิเจน” ปลูกต้นไม้ด้วยของเหลือใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย
ผู้สนใจ สามาถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pruksa.com/livingtech