เกือบสองปีเต็มแล้วที่เรามีนวัตกรรมป้องกันเด็กพลัดหลงจากพ่อแม่ โดยมีสตาร์ทอัพไทยด้าน IOT (Internet of Things) รายแรกอย่าง “โพโมะเฮาส์” (Pomo House co.,ltd.) คอยพัฒนาและเอาเข้าตลาดโลกได้สำเร็จ
ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้มากกว่า 1 แสนราย ในกว่า 20 ประเทศ
โดยการเข้าสู่ปีที่ 3 ของ โพโมะเฮาส์ นั้นถือว่าเป็นการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทั้งการขยายตลาดไปยังต่างประเทศและการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์รวมถึงบริการใหม่ๆที่น่าสนใจออกมาอีกด้วย
จากประสบการณ์ เกือบ พลัดหลงกับลูกสาว สู่ POMO Kids Watch
นายฉัตรชัย ตั้งจิตตรง กรรมการบริหาร บริษัท โพโมะเฮาส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (สิงคโปร์) ได้เปิดเผยว่า
“จุดเริ่มต้น เกิดจากประสบการณ์จริงที่เกือบจะต้องพลัดหลงกับลูกสาวในขณะเดินทางท่องเที่ยว หลังจากนั้นจึงรวมทีมงานที่ เชี่ยวชาญด้านซอฟท์แวร์สำหรับกลุ่มเด็กและครอบครัว ช่วยกันคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันปัญหาเด็กหายจากต้นเหตุ จึงเป็นที่มาของ POMO Kids Watch โดยในปีแรก เราได้ทุ่มทุนกว่า 30 ล้านบาท ในการเปิดตลาดนาฬิกาป้องกันเด็กหายสำหรับเด็ก ซึ่งหลังจากเปิดตัวแล้ว ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด พ่อแม่ผู้ปกครองสนใจตัวผลิตภัณฑ์เยอะมาก มีการพูดต่อออกไปเป็นวงกว้าง จึงทำให้ตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ”
POMO Kids Watch ออกรุ่น Waffle เอาใจเด็กด้วย Rilakkuma
ก้าวสู่ปีที่ 3 นั้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ออกมาเป็นหลายรุ่นมาก โดยต่อยอดมาจาก POMO Kids Watch ในรุ่นแรกและมีตามออกมาถึงสามรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Moji,R2,Waffle ซึ่งเปิดตลาดในต่างประเทศเรียบร้อย และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
และล่าสุด POMO ก็ออกรุ่น Waffle ที่รวมเอาไฮไลท์เด่นๆ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอสี การ DIY หน้าจอได้เอง ฟังก์ชั่น Take Me Home ที่เมือเด็กหลงทางสามารถกลับบ้านได้ตามโปรแกรมที่เซตไว้ในนาฬิกา หรือการ DIY ผ่านทางสายห่วงนาฬิกา และอื่นๆอีกมากมาย
โดยร่วมมือกับ San-X เพื่อนำ Rilakkuma มาสร้างสีสัน ออก Waffle Watch Face และ Watch Band Limited Edition รุ่น Rilakkuma ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
นอกจากมีนาฬิกาแล้ว ยังมีเครื่องติดตามพัฒนาการของเด็กแรกเกิดด้วย POMO Bebe และยังช่วยวัดอุณหภูมิให้กับเด็กได้อีกด้วย เป็นการช่วยคุณแม่ป้องกันในเรืองของสุขภาพของเด็ก และที่โดดเด่นคือการวัดอุณหภูมิความร้อนของนมสำหรับทารกได้
ซึ่ง POMO Bebe ได้เป็นผลิตภัณฑ์ชนะผ่านเข้ารอบสุดท้าย “The Bump Best of Baby Tech Awards” ที่อเมริกาด้วย
รุกตลาดทั้งในและต่างประเทศ เน้นสื่อสารออนไลน์ทุกรูปแบบ
ในประเทศไทย POMO ก็ใช้ Lifestyle Marketing เสริมเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายกว้าง จัดประกวด POMO Little Model Contest เพื่อค้นหา จนได้ Brand Ambassador มาทั้งสิ้น 15 คน ให้กับแบรนด์ของในระยะเวลาหนึ่งปี ตอกย้ำภาพของเราแบรนด์ Pomo ได้ชัดยิ่งขึ้นในด้าน Fashoinable IOT สำหรับเด็ก
และยังจัดตั้งบริษัท PMH เพื่อเป็นตัวแทนดูแลเรื่องช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าของ Pomo รวมถึงยังได้เซ็นต์สัญญานำเข้าสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆจากต่างประเทศเพื่อนำมาให้คนไทยได้เป็นเจ้าของกันอีกด้วย
ส่วนต่างประเทศ ก็เน้นที่ตลาดในอเมริกาและยุโรป ร่วมโชว์ในงานด้านไอทีระดับโลกมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นงาน Mobile World Congress บาร์เซโลน่า ประเทศสเปน รวมไปถึงงานด้านไอที ระดับโลกคืองาน Consumer Electronics Association ณ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา
แถมยังเพิ่มการลงทุนทั้งในและต่างประเทศโดยการจัดตั้งบริษัท Pomo House LLC ขึ้นในประเทศอเมริกาเพื่อดูแลตลาดทั้งในทวีปอเมริกาทั้งหมดด้วย
ทั้งหมดนี้ POMO ทุ่มงบ 10 ล้านบาททำการลาดเน้นออนไลน์และดิจิตอลทุกประเภท คาดว่าเราจะได้เห็นนวัตกรรมล้ำๆติดอยู่ข้อมือของเด็ก ช่วยให้เด็กปลอดภัยอย่างแน่นอน