ยอดขายรถกระบะร่วง หลังแบงค์เข้มหวั่นหนี้เสียโต คาดอีเว้นต์ใหญ่ช่วยกระตุ้น

  • 37
  •  
  •  
  •  
  •  

สืบเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ยังเรียกได้ว่า ยังไม่กลับมาฟื้นตัวอย่างเต็มที่ ซึ่งเป็นผลมาจากแรงกดดันหลายปัจจัย โดยเฉพาะหนี้สินที่มีความเสี่ยงในช่วงเวลานี้ ส่งผลให้หลายสถาบันการเงินเสริมความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ให้เติบโต แต่ก็ยังมีจุดแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยาวหลังสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

 

ตลาดกระบะ 1 ตัน หดตัวลงมากสุด

รายงานตลาดรถยนต์เดือนกรกฏาคม 2566 โดยตลาดรวมมีปริมาณการขายรถยนต์ทุกประเภทอยู่ที่ 58,419 คัน ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าเฉพาะตลาดรถยนต์นั่งจะมีอัตราเติบโตที่ 17.3% ที่ยอดขาย 22,511 คัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเซกเมนท์รถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มียอดขาย 16,308 คัน เติบโตสูงถึง 18.1% แต่ก็ยังไม่สามารถต้านทานการลดลงของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ชะลอตัวต่อเนื่องที่ 19.9% ด้วยยอดขาย 35,908 คัน

เมื่อลงในรายละเอียดของตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ พบว่า ตลาดรถกระบะ 1 ตัน เป็นตลาดมีการชะลอตัวสูงถึง 26.6% ด้วยยอดขายเพียง 24,982 คัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเข้มงวดของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ เนื่องจากเกิดความกังวลอัตราหนี้เสียที่เป็นผลต่อเนื่องที่เกิดจากภาวะเงินเฟ้อช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการประกาศหนี้สินครัวเรือนที่ยังคงอยู๋ในอัตราสูง ส่งผลให้ภาคธุรกิจและภาคประชาชนชะลอการสินใจซื้อ โดยเฉพาะในภาคธุรกิจขนส่ง

 

ได้รัฐบาลปัจจัยบวกตลาดรถยนต์

แม้จะมีความไม่มั่นใจทั้งภาคสถาบันการเงิน ภาคธุรกิจและภาคประชาชนในการตัดสินใจซื้อรถยนต์ แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกด้านอื่นที่เข้ามาหนุน อย่างความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงยังสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และจะส่งผลเชิงจิตวิทยาในการใช้จ่าย ก่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าตลาดรถยนต์น่าจะได้รับอานิสงส์ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้

ไม่เพียงเท่านี้ยังมีปัจจัยเสริมอื่นๆ ที่เข้ามาช่วยหนุนตลาดรถยนต์ในประเทศ อย่างแคมเปญการตลาดในช่วงมหกรรมงาน Bangkok International Grand Motor Sale 2023 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 3 กันยายนนี้ ที่นอกจากช่วยกระตุ้นยอดขายรถยนต์ภายในงานแล้ว ยังมีข้อเสนอพิเศษไปยังโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ รวมถึงยังเป็นโอกาสที่ผู้บริโภคจะมีโปรโมชั่นที่ช่วยให้เป็นเจ้าของรถยนต์ได้ง่ายขึ้น

แม้จะมีปัจจัยบวกเข้ามาหนุน แต่ปัจจัยลบที่ยังคงส่งผลต่อเนื่อง อย่างความผันผวนทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อภาวะหนี้สินครัวเรือน ยังคงอยู่และยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของสถาบันการเงิน ในการออกมามาตรการความเข้มงวดของการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์

 

TOYOTA ยังครองแชมป์ผู้นำตลาด

เมื่อมาดูภาพรวมการจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค. 2566) พบว่า ภาพรวมตลาดรถยนต์มีปริมาณการขายอยู่ที่ 464,550 คัน ลดลง 5.5% โดย TOYOTA สามารถขายได้ 157,280 คัน ลดลง 3.1%     ครองส่วนแบ่งตลาดที่ 33.9% โดยมี ISUZU ตามมาในอันดับที่ 2 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 21.1% และ HONDA ในอันดับ 3 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 11.6%

 

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – กรกฏาคม 2566
ยอดขายรถยนต์ตลาดรวม 464,550 คัน ลดลง 5.5%
TOYOTA 157,280 คัน ลงลง 3.1%
ISUZU 98,016 คัน ลดลง 22.3%
HONDA 53,685 คัน เพิ่มขึ้น 13.2%
ตลาดรถยนต์นั่ง 170,598 คัน เพิ่มขึ้น 10.0%
 TOYOTA 59,089 คัน เพิ่มขึ้น 34.3%
HONDA 35,347 คัน เพิ่มขึ้น 3.3%
MITSUBISHI 10,664 คัน ลดลง 17.8%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ 293,952 คัน ลดลง 12.6%
TOYOTA 98,191 คัน ลดลง 17.0%
ISUZU 98,016 คัน ลดลง 22.3%
FORD 22,871 คัน เพิ่มขึ้น 23.6%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน 207,934 คัน ลดลง 20.6%
ISUZU 88,861 คัน ลดลง 23.6%
TOYOTA 80,632 คัน ลดลง 20.9%
FORD 22,871 คัน เพิ่มขึ้น 23.6%
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up 169,994 คัน ลดลง 25.5%
ISUZU 75,231 คัน ลดลง 28.8%
TOYOTA 67,094 คัน ลดลง 23.0%
FORD 15,667 คัน เพิ่มขึ้น 0.7%

 

ขณะที่การจำหน่ายรถยนต์ภาพรวมตลอดทั้งเดือนกรกฎาคม 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา พบว่า TOYOTA ยังครองตำแหน่งแชมป์ผู้นำตลาดด้วยยอดขายสูงถึง 20,421 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% โดยมีส่วนแบ่งการตลาดที่ 35.0% ขณะที่ ISUZU มาเป็นอันดับ 2 ด้วยยอดขาย 11, 735 คัน ครองส่วนแบ่งที่ 20.1% และ HONDA ตามมาที่ยอดขาย 7,551 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ครองส่วนแบ่งที่ 12.9%

 

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนกรกฏาคม 2566
ยอดขายรถยนต์ตลาดรวม 58,419 คัน ลดลง 8.8%
TOYOTA 20,421 คัน เพิ่มขึ้น 0.7%
ISUZU 11,735 คัน ลดลง 27.9%
HONDA 7,551 คัน เพิ่มขึ้น 4.1%
ตลาดรถยนต์นั่ง 22,511 คัน เพิ่มขึ้น 17.3%
 TOYOTA 8,048 คัน เพิ่มขึ้น 57.9%
HONDA 4,922 คัน เพิ่มขึ้น 6.2%
MITSUBISHI 1,086 คัน ลดลง 39.3%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ 35,908 คัน ลดลง 19.9%
TOYOTA 12,373 คัน ลดลง 18.5%
ISUZU 11,735 คัน ลดลง 27.9%
FORD 2,754 คัน ลดลง 23.7%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน 24,982 คัน ลดลง 26.6%
ISUZU 10,228 คัน ลดลง 31.0%
TOYOTA 10,088 คัน ลดลง 20.3%
FORD 2,754 คัน เพิ่มขึ้น 23.7%
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up 20,309 คัน ลดลง 31.9%
ISUZU 8,551 คัน ลดลง 35.5%
TOYOTA 8,312 คัน ลดลง 26.7%
FORD 1,820 คัน เพิ่มขึ้น 37.4%

ถึงอย่างนั้น ค่ายรถอย่าง HONDA กลับไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากสถานการณ์ดังกล่าว เนื่องจากเป็นค่ายรถยนต์ที่ไม่มีรถกระบะวางจำหน่าย อีกส่วนหนึ่งยังเกิดจากการที่ HONDA มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม Hybrid ที่ได้รับความสนใจจากตลาดอย่างมาก นั่นจึงทำให้ต้องจับตาในช่วงครึ่งปีหลังจากนี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลของตลาดรถยนต์ รวมถึงช่วงครึ่งปีหลังยังมีมหกรรมงานด้านรถยนต์ที่เป็นตัวกระตุ้นตลาดให้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง

 

ข้อมูล: TOYOTA


  • 37
  •  
  •  
  •  
  •  
Gigolo
เมื่อเทคโนโลยีอยู่ใกล้กับชีวิตทุกคน มารู้เท่าทันเทคโนโลยีเพื่อใช้มัน แต่อย่าให้เทคโนโลยีมันใช้เรา