สถานการณ์การแพร่ระบาด COVID-19 เรียกว่ายังยืดเยื้อ ไม่มีวี่แววว่าจะยุติได้เร็วๆ นี้ ซึ่งประเทศที่กระทบอย่างหนักที่สุด ในเวลานี้ก็คือ ‘สหรัฐอเมริกา’ โดยที่ผ่านมาหลายๆ บริษัททั้งขนาดเล็กและกลางในสหรัฐฯ ได้แห่ปลดพนักงานกันเป็นแถว จนทำให้ตัวเลขผู้ว่างงานในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเพียง 3 สัปดาห์มีคนว่างงานกว่า 16 ล้านคนแล้ว
ขณะที่ล่าสุด John Wren ซีอีโอของ Omnicom ธุรกิจผู้ให้บริการมีเดียรายใหญ่สัญชาติอเมริกัน ซึ่งมีบริษัทในเครืออื่นๆ อีกหลายบริษัท ได้ส่งอีเมล์ภายในบริษัทถึงพนักงานทุกคนทุกฝ่าย ระบุถึงสถานการณ์ COVID-19 ว่ากำลังส่งผลกระทบต่อบริษัทแบบ ‘profound impact’ หรือกระทบแบบมีนัยยะลึกขึ้น
นอกจากนี้ เนื้อหาในอีเมล์ยังได้ระบุถึง มาตรการประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งชี้แจงว่าเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้มาตรการทั้ง ‘การพักงานชั่วคราว และการปลดพนักงาน’ นั่นจะหมายถึงบริษัทในเครืออื่นๆ ของ Omnicom ด้วย
ทั้งได้อธิบายด้วยว่า ผลกระทบอย่างลึกที่เกิดขึ้นนั้นเริ่มกระทบต่อรายได้ของบริษัท ทั้งงานของลูกค้า และช่องทางรายได้อื่นๆ ซึ่งมาตรการพักงานชั่วคราว และการปลดพนักงานบางส่วน เป็นหนึ่งในขั้นตอนที่พยายามสร้างความยั่งยืนให้กับบริษัท
“เราพยายามทำทุกอย่างและทุกทางเพื่อให้เกิดความยั่งยืนมากที่สุด รวมถึงการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทให้ได้มากสุดเท่าที่จะเป็นไปได้” ซีอีโอของ Omnicom กล่าวเพิ่มว่า “หากเป็นไปได้เราจะใช้มาตรการพักงานชั่วคราว มากกว่าจะเป็นการปลดจำนวนพนักงานตามเป้า”
นอกจากนี้ บริษัทได้พิจารณามาตรการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การแช่แข็งเงินเดือน ซึ่งก็เป็นมาตรการที่หลายๆ บริษัทเริ่มต้นทำตั้งแต่ที่เกิดการระบาดของไวรัส รวมไปถึงมาตรการอื่น เช่น โยกพนักงานบางคนไปยังบริษัทอื่นที่อยู่ในเครือ และยังมีโควตาพนักงานที่ต้องการจะรับ อย่าง กลุ่มบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง ‘Omnicom Health Group’
ซีอีโอของ Omnicom ได้ย้ำด้วยว่า สำหรับตัวเขาเองยังคงมาตรการยกเว้นการรับเงิน 100% ไปจนถึงเดือน ก.ย.63
ขณะเดียวกัน COVID-19 ก็กำลังพ่นพิษไปยัง Publicis Groupe ธุรกิจเอเจนซี่ด้านการสื่อสารการตลาดของฝรั่งเศส ที่ได้ประกาศผลประกอบการ Q1 ซึ่งค่อนข้างน่าผิดหวัง โดยบริษัทกำลังพิจารณามาตรการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงที่เกิดวิกฤตการระบาดนี้
Arthur Sadoun ซีอีโอของ Publicis Groupe กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายให้ได้เป็นจำนวน 500 ล้านยูโร (ราว 17,785 ล้านบาท) เพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น คาดว่าน่าจะรุนแรงขึ้นหากการแพร่ระบาดยังไม่จบง่ายๆ
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวยังรวมถึง การตัดเงินปันผลทั้งสำหรับผู้ถือหุ้นและพนักงานทุกคน 50% รวมถึงเลื่อนจ่ายเงินพิเศษไปจนถึงเดือน ก.ย. 63 ขณะเดียวกัน ทีมผู้บริหารของ Publicis Groupe ได้ปรึกษากันที่จะลดเงินเดือนลงด้วยในระดับ ‘คงที่’ ซึ่งไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจน
ขณะที่มาตรการนี้จะรวมถึง การลดเงินเดือนของ Arthur Sadoun ด้วย 30% สำหรับ Q2 และ Q3 ของปีนี้
“ในฐานะที่เป็นซีอีโอ ฉันจะพยายามทำทุกทางเพื่อให้เราผ่านพายุนี้ไปด้วยกันได้ ขณะนี้ทุกวันนี้ผมเองก็เพิ่มชั่วโมงการทำงานเป็น 16 ชั่วโมง/สัปดาห์”
ภายใต้สถานการณ์นี้ เชื่อว่าในหลายๆ บริษัทจะกลับมาคิดเกี่ยวกับ ‘การปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์’ ที่มากขึ้น ยิ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างหนัก ซึ่งฝรั่งเศสก็ถือว่าเป็น 1 ใน 5 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลกด้วย
ทั้งนี้ Arthur Sadoun ได้พูดทิ้งท้ายกับ Adweek ว่า จะพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการปลดพนักงานก่อน แต่หากสถานการณ์นั่นแย่ขึ้น ก็มีโอกาสที่เราจะกลับมาพิจารณาอีกครั้ง
ทั้งนี้ สำหรับประเทศไทย ขณะนี้ยังไม่มีข่าวประกาศใดๆ และขอให้ไม่กระทบถึงบริษัทในไทย
