คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ประกาศความร่วมมือพาร์ทเนอร์ชิพใหม่กับ Intel (INTC, Tech30) ซึ่งจะเริ่มความร่วมมือนี้จะมีไปจนกระทั่งปี 2024 ซึ่งทางบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่แห่งนี้ จะนำความล้ำสมัยใหม่มาสู่การแข่งขันโอลิมปิก ไม่ว่าจะเป็น โดรน, VR, AI และวิดีโอแบบ 360 องศาล ซึ่งจะช่วยสร้างสีสันให้กับกีฬาโอลิมปิกมากขึ้น
ความเป็นพาร์ทเนอร์นี้จะเริ่มต้นในปี 2018 ในการแข่งขันWinter Games ที่เกาหลีใต้
ความร่วมมือใหม่นี้ มาในช่วงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่ McDonald’s (MCD) ประกาศแยกทางกับโอลิมปิกหลังจากเป็นสปอนเซอร์ชิพกันมายาวนานถึง 4 ทศวรรษ โดย McDonald’s ร่วมงานกับโอลิมปิกมาตั้งแต่ปี 1968
แม้ว่าเรื่องการใช้เทคโนโลยีกับมหกรรมกีฬาโอลิมปิกจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ครั้งนี้คาดว่าจะเล่นใหญ่มากกว่าเดิม โดยจะมีบทบาทในเรื่องของการถ่ายทอดการแข่งขัน ยกตัวอย่างที่ Intel บอกก็คือ ผู้ชมทางบ้านจะสามารถเลือกจุดการรับชมได้ เช่น เก้าอี้แถวหน้า ผ่านเทคโนโลยี VR และวิดีโอ 360 องศา
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์ว่า Drones จะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการแข่งขันโอลิมปิก และแม้ว่า Intel จะยังไม่ประกาศว่าจะนำเสนอเทคโนลียีในรูปแบบไหน แต่คาดการณ์กันว่าในระหว่างพิธีเปิดจะต้องมีภาพจากบนอย่างแน่นอน ดังเช่นโชว์ของ เลดี้ กาก้า ที่เคยสร้างความฮือฮาไปแล้วในช่วงพักครึ่งการแข่งขันซุปเปอร์โบวล์
“โดรนจะสร้างโชว์แสงสีได้วิจิตรงดงามที่สุด โดยเฉพาะมุมการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวจากจุดเอไปจุดบี”Aicha Evans, Intel chief strategy บอกกับ ซีเอ็นเอ็น เทค
นอกจากนี้ Evans ยังระบุด้วยว่า เทคโนโลยีของ Intel ยังจะช่วยการทำงานระหว่างนักกีฬาและโค้ชอีด้วย เช่น โค้ชสามารถใช้ VR ในการวิเคราะห์ความสามารถของนักกีฬาในมุมต่างๆ ได้
ความเป็นสปอนเซอร์ชิพครั้งนี้ จะสร้างให้ Intel เป็นผู้ผลักดันด้านกีฬารายใหญ่ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ทางบริษัทเองก็เพิ่งจะประกาศดีล 3 ปีที่จะทำร่วมกับ Major League Baseball โดยจะใช้แพล็ทฟอร์ม True VR ในการถ่ายทอดสดเกมการแข่งขันและโชว์ไฮไลท์แบบ on-demand replays อีกด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับ National Football League ระหว่างการแข่งขันซุปเปอร์โบวล์ กับการแสดงภาพวิดีโอแบบ 360 ผ่านมุมต่างๆ จากผู้เล่นบนสนาม
ทั้งนี้ มีการวิเคราะห์กันกว่า คณะกรรมการโอลิมปิกฯ ต้องการที่จะสร้างความน่าตื่นตาในการชมเกมให้มากขึ้น เพื่อดึงความสนใจจากกลุ่มผู้ชมอายุน้อย หลังจากที่พบว่ายอดการรับชมกีฬาโอลิมปิกลดลง
“ค่าเฉลี่ยอายุผู้ชมในสื่อเก่าอย่าง TV ยังโตอยู่ แต่กลุ่มผู้ชอายุน้อยก็ยังเสพการรับชมเช่นกันเพียงแต่ว่าแตกต่างกันในแพล็ทฟอร์ม และในวิธีที่ต่างกันออกไป ดังนั้น เราจึงคิดว่าการใช้เทคโนโลยีจะช่วยเอ็นเกจผู้ชมรุ่นเยาว์ได้มากขึ้น”Timo Lumme, IOC managing director of TV and marketing services กล่าว