โดยเฉลี่ยแล้วคนไทยดื่มกาแฟ 300 แก้วต่อคนต่อปี แม้จะนับว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่บ้านเราก็มีคอกาแฟหน้าใหม่เพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ในวัยมหาวิทยาลัย วัยเริ่มทำงาน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีประสบการณ์เริ่มต้นจากกาแฟสด มากกว่ากาแฟสำเร็จรูป ต่างจากเมื่อหลายสิบปีก่อนที่คนไทยนิยมดื่มกาแฟผงสำเร็จรูปกันมากกว่า ความแปรเปลี่ยนของพฤติกรรมการดื่มกาแฟในคนรุ่นใหม่นั้นจึงถูกบ่มเพาะให้เกิดการเลือกสรร ในการดื่มกาแฟกันยิ่งขึ้น สอดคล้องไปกับเทรนด์ธุรกิจกาแฟแบบ Specialty Coffee ร้านกาแฟคอนเซ็ปต์ที่เน้นไปที่วัตถุดิบและรูปแบบการชงอย่างเฉพาะเจาะจง
กระแสการบริโภคกาแฟที่มีการแปรเปลี่ยนต่อเนื่องเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยมีความรู้และความเข้าใจ ในการบริโภคกาแฟกันมากขึ้น การดื่มกาแฟในยุคนี้จึงไม่ใช่แค่การดื่มแก้ง่วงอีกต่อไป
แล้วคุณทราบไหมว่าในช่วง 10 ปีมานี้บรรดาคอกาแฟต่างเริ่มนิยมชงกาแฟดื่มเอง ด้วยเครื่องชงกาแฟกันมากขึ้น เพราะฟังก์ชั่นของเครื่องนั้นถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้นเรื่อยๆ และมีให้เลือกหลายระดับราคา โดยนอกจากเครื่องชงกาแฟแบบปกติทั่วไปแล้ว คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึง ‘เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล’ นวัตกรรมใหม่ในการชงกาแฟที่กำลังมาแรงอย่างมากทั้งในยุโรป อเมริกา และเอเชีย เพราะใช้กาแฟสดแบบแคปซูลชงดื่มทีละแก้ว ให้รสชาติใกล้เคียงกับชงจากมือบาริสต้า ซึ่งทุกคนชงเองได้ที่บ้าน
Nespresso เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลที่เราคุ้นเคยกันดี เพราะมีเครื่องให้เลือกหลายรุ่นในหลายระดับราคา อีกทั้งยังมี ‘กาแฟแคปซูล’ ให้เลือก 24 รสชาติพื้นฐาน และมีรสชาติรุ่นลิมิเต้ดอิดิชั่นออกมาเรื่อยๆ แม้กระแสในบ้านเราจะอยู่ในช่วงที่เริ่มบูม แต่ในยุโรปนั้นวางขายกันมากว่า 30 ปีแล้ว ความนิยม ในกาแฟแคปซูลนั้นสูงขึ้นเรื่อยๆเพราะปัจจัยบวกหลายด้าน ทั้งเรื่องความสะดวก ที่สามารถซื้อตุนไว้ได้หลายรสชาติ และยังให้คนในบ้านเลือกรสกาแฟที่ถูกใจได้ เครื่องชงกาแฟทำงานได้อย่างรวดเร็ว สามารถเปลี่ยนรสชาติได้ตามต้องการในแต่ละวัน และยังได้มาตรฐานรสชาติแบบเดียวกันในทุกครั้งที่ชง
สอดคล้องกับคอกาแฟหน้าใหม่ที่เป็นกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย วัยเริ่มทำงาน หรืออาจจะวัยทำงานที่พักอาศัยอยู่ในคอนโดฯหรือห้องพักที่มีพื้นที่จำกัด Nespresso จึงออกแบบฟังก์ชั่นและดีไซน์ของเครื่องชงกาแฟแคปซูลรุ่นใหม่อย่าง Nespresso Essenza Mini ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความกะทัดรัด ความง่าย และดีไซน์ Essenza Mini นั้นได้ฉายาว่า ‘เล็กแต่ทรงพลัง’ ด้วยคุณสมบัติพิเศษที่สามารถ (1) ทำความร้อนได้อย่างรวดเร็ว (2) ตั้งโปรแกรมได้ 2 ปุ่มสำหนับการชงเป็น Espresso หรือ Lungo (3) เข้าสู่โหมดประหยัดพลังงานอัตโนมัติหลังไม่ได้ใช้งานภายใน 3 นาที และปิดอัตโนมัติภายใน 9 นาที ซึ่งคุณสมบัตินี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ต้องทำเวลาในตอนเช้าและอาจจะรีบออกจากห้องจนลืมปิดเครื่อง ฟังก์ชั่นที่ชาญฉลาดทั้งหมดนี้อยู่ในรูปโฉมของเครื่องชงกาแฟแคปซูลไซส์มินิน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม ทั้งประหยัดพื้นที่ และเป็นเสมือน Decoration ในบ้านด้วยดีไซน์ที่เรียบง่ายสวยงามแต่แฝงความโมเดิร์นไว้ในรายละเอียด โดยออกแบบมาให้คุณเลือก 4 เฉดสี ได้แก่ ขาว ดำ แดง และเขียวมะนาว นอกจากจะเหมาะกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเครื่องชงกาแฟที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา และชงได้เร็วแล้ว ยังเหมาะกับผู้เริ่มต้นที่ต้องการลองเปลี่ยนสไตล์มาดื่มด่ำกับกาแฟแคปซูล ซึ่ง Nespresso Essenza Mini นั้นสามารถตอบโจทย์คุณได้ทั้งฟังก์ชั่น ดีไซน์ และราคา โดยมีราคาอยู่ที่ 5,500 บาท หรือติดต่อNespresso Boutique สยามพารากอน ชั้น 1, โทรฟรี 1800-019090 ทุกวัน 7.00 น. -19.00 น. และ www.nespresso.com
สำหรับตัวเลขที่น่าสนใจในตลาดกาแฟล่าสุดในปี 2016 กาแฟแบบแคปซูลครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ของตลาดกาแฟในแถบยุโรปตะวันตก มีมูลค่า 18,000 ล้านยูโร หรือราวๆ 720,000 ล้านบาท ซึ่งแม้ตลาดกาแฟโดยรวมจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 1.6% แต่นับตั้งแต่ปี 2011 ยอดขายกาแฟแบบแคปซูลเติบโตถึงปีละ 9% เลยทีเดียว
เกี่ยวกับ Nestlé Nespresso SA
Nestlé Nespresso SA เป็นผู้ริเริ่มและต้นแบบของกาแฟประเภทแคปซูลสำเร็จ ที่มีคุณภาพดีที่สุด สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ Nespresso มีสาขาดำเนินงานใน 64 ประเทศ และมีพนักงานรวม 12,000 คน ในปี 2558 บริษัทฯ มีร้านบูติคที่ให้บริการ เฉพาะในเครือกว่า 450 แห่งทั่วโลก ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ Nespresso