[บทความนี้เป็น Advertorial]
จากการที่เทรนด์ทั่วโลกต่างชี้ชัดว่าแนวโน้มคนทั่วโลกใช้อินเทอร์เน็ตมือถือกำลังเป็นกระแสที่มาแรงที่สุด หลายผลวิจัยที่เห็นพ้องถึงพฤติกรรมผู้ใช้ทุกวันนี้ที่เลือกเข้าอินเทอร์เน็ตผ่าน Mobile Device กันมากขึ้น
โดยข้อมูลยืนยันจาก “Hootsuite” ค่ายโซเชียลมีเดียระดับโลกที่ได้รวบรวมสถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ต ในปี 2017 ที่ผ่านมา พบว่า 2 ใน 3 ของจำนวนประชากรโลกกว่า 7,600 ล้านคน มีโทรศัพท์มือถือ
ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันใช้เน็ตผ่านมือถือทั้งกิจกรรมส่วนตัว เพื่อการทำงาน ไปจนถึงเพื่อธุรกิจมากขึ้น จนติดสถิติประเทศที่มีนักท่องเน็ตบนสมาร์ทโฟนต่อวันมากที่สุดในโลก
ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือจะเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เลยทั้งในแง่การใช้งานพื้นฐาน การทำงานไปจนถึงความบันเทิง ตัวอย่างง่ายๆ ไม่ใกล้ไกล ลองวิเคราะห์จากไลฟ์สไตล์ของพวกเราเอง ก็จะพบว่า กว่าร้อยละ 80 ของกิจกรรมการใช้งานมือถือก็ไม่พ้นเรื่องของ “ดาต้า” ทั้งสิ้น
จากการที่เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ย่อมทำให้ค่ายผู้ให้บริการจำต้องเปลี่ยนตามเอาใจลูกค้า ทุกวันนี้ทุกอย่างในโลกออนไลน์ส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นภาพเคลื่อนไหวและไฟล์ใหญ่ๆ ทำให้รูปแบบการคิดแพ็กเกจค่าบริการของ operator ส่วนใหญ่ จึงเน้นการขายที่ปริมาณข้อมูล (data package) เป็นหลักมากกว่า Voice Call ถือเป็นอีกเกมแข่งขันกันออกแพ็กเกจตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบัน
แต่บางครั้งความต้องการของผู้ใช้บริการส่วนใหญ่อาจไม่ได้มองเรื่องราคาเท่ากับคุณภาพ โดยเฉพาะสำหรับลูกค้าธุรกิจแล้ว คุณภาพสัญญาณที่มีความเสถียร ใช้งานไม่สะดุด สามารถเข้าถึงคอนเทนท์ได้รวดเร็ว ทั้งการอัพโหลดเนื้อหา ไปจนถึงดูไฟล์คุณภาพที่ความละเอียดสูง เป็นหัวใจสำคัญ ในยามต้องใช้งานในด้านธุรกิจ
ซึ่งจากการที่ไลฟ์สไตล์คนยุคปัจจุบัน หันมาทำธุรกิจต่างๆ ผ่านเทคโนโลยีมือถือมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจ e-commerce การใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่น การทำธุรกรรมการเงินต่างๆ หรือการรับ-ส่งงานผ่านมือถือ ล้วนต้องใช้ mobile internet ในการประกอบธุรกิจ ซึ่งบางครั้งอาจต้องมีการใช้ดาต้าจำนวนมาก คุณภาพของเครือข่ายมือถือจึงเป็นปัจจัยที่ช่วย Support อย่างมีนัยสำคัญ
หากปัจจุบันอีกหนึ่ง Pain Point ที่ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ต้องเจอ ยังคงเป็นปัญหาคุณภาพสัญญาณที่ไม่ลื่นไหล แถมยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดใจกับปัญหาเล่นอินเทอร์เน็ตจนหมด แล้วถูกลดสปีด ซึ่งกิจกรรมส่วนใหญ่เหล่านี้ ควรต้องมีอินเทอร์เน็ตที่ความเร็วไม่ต่ำกว่า 1 Mbps ขึ้นไปเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด
จากปัญหาดังกล่าวจึงทำให้ my by CAT เครือข่ายโทรศัพท์มือถือภายใต้การดำเนินการของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จึงสร้างทางเลือกโดยนำเสนอแพ็กเกจใหม่ที่โดนใจแก่ลูกค้า
my by CAT เป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตไร้สายความเร็วสูง ด้วยบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 850 MHz. และบริการ 4G บนคลื่นความถี่ 1800/2100 MHz. ที่ถือเป็นค่ายผู้ให้บริการที่ไม่อาจมองข้าม เพราะมีจุดได้เปรียบในฐานะเจ้าของโครงข่ายและเสาสัญญาณตัวจริงมาให้บริการ
ด้วยการนำเสนออีกทางเลือกที่ตอบสนองการใช้งานลูกค้า สำหรับในการอัพโหลด-ดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่ในปริมาณมากๆ เช่น video conference, video streaming, ภาพยนตร์ออนไลน์, เกมออนไลน์ ฯลฯ ทำให้การใช้งานต่อเนื่องไม่สะดุด ทั้งสัญญาณภาพ และ เสียง มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมที่สุดทั่วประเทศ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ ก็สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ดียิ่งกว่าเดิม
ทาง my by CAT มีเป้าหมายต้องการเป็นทางเลือกผู้ให้บริการที่สร้างประสบการณ์การใช้งานของลูกค้าก็ดีขึ้น กับการคิดตัวแพ็กเกจที่มีราคาโดนใจ และคุ้มค่าต่อคนใช้มากขึ้น นอกจากแพ็กเกจหลัก ที่ทาง my by CAT มีให้เลือกมากมายอยู่แล้ว
ล่าสุดยังได้ปล่อยแพ็กเกจใหม่ “my เน็ตเพลิน ไม่มีหมด ไม่ลดสปีด” ทั้งในแบบเติมเงินและแบบรายเดือน ออกมาใน 2 แพ็กเกจ คือสำหรับการใช้อินเทอร์เน็ต ความเร็วสูงสุดที่ 4 Mbps ในราคาเพียง 1,400/6 เดือน และ 2,500 บาท/12 เดือน และความเร็วสูงสุดที่ 1 Mbps ในราคาเพียง 600 บาท/ 6 เดือน และ 1,200 บาท/12 เดือน (เฉลี่ยจ่ายเพียงเดือนละ 100 บาท เท่านั้น) ให้ลูกค้าเล่นเน็ตกันอย่างจุใจเล่นได้ไม่จำกัด … ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนไทยใช้ดาต้าสูงจริงๆ
สนใจบริการดังกล่าว สามารถติดต่อได้ที่CAT Shop, สำนักงานบริการลูกค้า กสท และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือติดต่อ Call Center ที่เบอร์ 02-401-2222 หรือจะดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.mybycat.com
แพ็กเกจนี้ สามารถสมัครได้ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561
[บทความนี้เป็น Advertorial]
