การที่แบรนด์จะประสบความสำเร็จได้ ต้องสร้างความแตกต่าง สร้างมูลค่า และเข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคให้ได้ “การตลาด จึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจ” ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนไปเร็วมาก และทุกการเปลี่ยนแปลงถือเป็นเรื่องปกติที่แบรนด์ต้องปรับตัวให้ได้ นักการตลาดยุคใหม่เองก็เช่นกัน ต้องปรับตัวให้ทันโลกยุดดิจิทัล นับเป็นโอกาสและความท้าทายในการทำตลาด
คุณสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกสมาคมสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย คนที่ 17 ได้ให้มุมมองของการทำธุรกิจในปัจจุบันว่า ทุกวงการธุรกิจต่างตระหนักดีว่าการตลาดมีความสำคัญต่อการทำธุรกิจอย่างมาก เพราะเป็นหัวใจในการสร้างความสำเร็จ สำหรับประเทศไทยนั้น ได้ก้าวเข้าสู่ยุคการทำตลาดจาก Production Base สู่ Value Base ประกอบกับโลกดิจิทัลทุกวันนี้เชื่อมโยงทุกสิ่งทุกอย่างจนทำให้โลกใบเล็กลง นี่จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยสามารถเติบโตในต่างประเทศได้ง่ายและเร็วขึ้น อย่างที่ทราบกันว่า คนไทยคิดเก่ง ทำเก่ง เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย จึงพร้อมจะเป็นแหล่งรวมมันสมองทางการตลาด ที่มีส่วนเติมเต็มและติดอาวุธ มอบความรู้ประสบการณ์ด้านการตลาดให้กับธุรกิจไทย”
หลังจากเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก้าวต่อไปของสมาคมฯ ภายใต้การนำของคุณสุพัตรา ได้เดินหน้าสร้างความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประเทศ (Marketing Excellence for the Nation) ในยุคที่โลกเชื่อมต่อกันด้วยดิจิตอลไลฟ์สไตล์ (Connected World) ด้วยแผนกลยุทธ์ 4+2 เดินหน้าบทบาทเป็นตัวเร่งความสำเร็จด้านการตลาดให้แก่แบรนด์และธุรกิจไทย เพื่อร่วมผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ก้าวไกลในยุค Thailand 4.0
ทำความรู้จักกับกลยุทธ์ 4+2
แผนกลยุทธ์ 4+2 (4 กลยุทธ์+2 หัวใจของความสำเร็จ) ที่จะนำพาสมาคมฯ มุ่งสู่ความเป็นเลิศทางการตลาด โดยร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และสมาคมทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย สมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีก องค์กรการศึกษามหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นต้น เพื่อทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
1. สร้างนักการตลาดเลือดดิจิตอล ผ่านโครงการเรียนรู้ต่างๆ อาทิ J-MAT ที่ร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำจัดโครงการสร้างนักการตลาดยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง หรือการจัดโครงการอบรมด้านการตลาด ทุกระดับตั้งแต่หลักสูตรพื้นฐาน ไปจนถึงหลักสูตร Chief Marketing Officer (CMO) ที่เหมาะกับ SME และ Startup เป็นหลักสูตรการเรียนรู้การสร้างแบรนด์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน โดยเหตุผลหลักที่เปิดหลักสูตรนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้เรียนรู้กระบวนการทำตลาด สร้างความเข้าใจในเบื้องต้น และเพื่อให้พวกเขารู้ว่างบประมาณสำหรับการทำตลาดมีความสำคัญ เงินแต่ละส่วนถูกใช้ไปอย่างไรบ้าง แต่ละรุ่นจะเปิดรับไม่เกิน 50 คน
ตลอดจนการส่งเสริมให้มีนักการตลาดฝึกงานในบริษัทชั้นนำของประเทศ นอกจากนี้ สมาคมฯ ยังได้มีเชิญกูรูด้านการตลาดในสายธุรกิจออนไลน์และดิจิตอลมาทำงานร่วมกับสมาคมฯ ได้แก่ LINE, Google, Facebook เพื่อให้จับกระแสโลกที่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วฉับไวเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ
2. ติดอาวุธให้ SME และ Start up สมาคมฯ จะทำหน้าที่เป็นโค้ชให้กับผู้ประกอบธุรกิจ SME หรือ Start up ผ่านโครงการ SME Clinic ด้วยการสร้างองค์ความรู้ แบ่งปันประสบการณ์ เรียนรู้จากกรณีศึกษา พร้อมทั้งการจัดกิจกรรมให้กับนักธุรกิจ SME และ Start up ในประเทศไทยให้เข้มแข็งและมีความเฉียบคม เติมความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิคทางการตลาดต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้แบรนด์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
3. ใช้การตลาดนำธุรกิจไทยสู่สากล ด้วยการสร้างเครือข่ายนักการตลาดในระดับภูมิภาค ซึ่งจะสามารถให้คำแนะนำนักธุรกิจในแง่ของการเจาะตลาด ขยายตลาด และสร้างตลาดใหม่ในต่างประเทศ พร้อมจัดกิจกรรมต่างๆ อาทิ การจัดการแข่งขันการสร้างแบรนด์และธุรกิจในระดับภูมิภาค เพื่อให้เกิดการต่อยอดทางความคิด
4. จับ Insights และ Foresights เพื่อจุดประกายการสร้างสรรค์นวัตกรรม ไอเดียใหม่ และการสร้างโอกาสให้กับประเทศ โดยร่วมมือกับหน่วยงานที่เป็นสมาชิก และสมาคมต่างๆ ที่เป็นพันธมิตรให้ร่วมเป็นฐานข้อมูลที่ทันสมัย
นอกจาก 4 กลยุทธ์แล้ว สมาคมฯ ยังผนวกอีก 2 หัวใจของความสำเร็จ นั่นคือ การมีจิตสำนึกด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ประกอบกับ การประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนให้เป็นพลังของประเทศ (Collaboration for Synergy) ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และสมาคมทางธุรกิจต่างๆ เพื่อทำให้เกิดพลังขับเคลื่อนสู่ความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ด้วยแผนกลยุทธ์ 4+2 ผสมผสานกับความเฉียบคมและประสบการณ์ครบมิติของคณะกรรมการจากหลากหลายอาชีพตลอดจนเครือข่ายความร่วมมือของพันธมิตรจากทุกภาคส่วนจะสามารถผลักดันให้การทำงานของสมาคมฯ เดินหน้าสู่วิสัยทัศน์ในการสร้างความเป็นเลิศทางการตลาดเพื่อประเทศอย่างเป็นรูปธรรมได้ภายในไม่กี่ปีข้างหน้านี้
นอกจากนี้ คุณสุพัตรา ยังได้เผย 4 เทรนด์ ที่นักการตลาดยุคดิจิทัลต้องจับตามอง และจับกระแสให้ได้
1. ผู้บริโภคในปัจจุบัน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ คนโสด/ครอบครัวขนาดเล็ก, กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่กำลังตั้งตัว และกลุ่มที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น เนื่องจากการดูแลสุขภาพ และกินดีอยู่ดีมากขึ้น แบรนด์ต้องรู้ว่าคนแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมอย่างไร
2. อย่ามองข้ามการทำตลาดผ่านสมาร์ทโฟน ปัจจุบันประเทศไทยมีการจดทะเบียนเบอร์โทรศัพท์กว่า 90 ล้านเครื่อง แสดงให้เห็นว่าคนไทย 1 คน มีสมาร์ทโฟนมากกว่า 1 เลขหมาย
3. การดูแลสุขภาพ ตอนนี้หันไปทางไหนก็เห็นแต่คนกินคลีน กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรืออาหารเสริม เพราะผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาดูแลตัวเองเพราะอยากสวย อยากดูดี และเสริมภาพลักษณ์ตัวเอง
4. สภาพแวดล้อมเป็นเรื่องใกล้ตัว จะเห็นได้จากปัญหาด้านสภาพแวดล้อมที่อยู่ใกล้ตัวเรา ที่นับวันจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งฝนตก น้ำท่วม ความแห้งแล้ง หรือแม้แต่รถติด นักการตลาดต้องเข้าใจ และถ้าจับจุดได้ การทำตลาดกับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทั้งนี้ แบรนด์ต้องมีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ และใช้งานได้จริงเป็นสำคัญ