[บทความนี้เป็น Advertorial]
เรียกว่าปี 2561 ถือเป็นปีที่อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจับตามอง เนื่องจากการคาดการณ์ว่าจะมีอัตราเติบโตสูงขึ้น โดยครึ่งปีแรกของ 2561 ตลาดรถยนต์มียอดขายรวมอยู่ที่ 489,118 คัน เพิ่มขึ้น 19.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศ รวมถึงโครงการรถยนต์คันแรกถึงรอบของการเปลี่ยนรถหรือยางค่ะ (Life Cycle) ในปีนี้
ผลจากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์เติบโต ส่งผลให้อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เติบโตตามไปด้วย เช่น น้ำมันเครื่อง อะไหล่รถยนต์ เป็นต้น และอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่น่าจับตามองที่เติบโตไปพร้อมๆ กับอุตสาหกรรมรถยนต์คือ อุตสาหกรรมยางรถยนต์ ซึ่งยางรถยนต์จัดเป็นอุปกรณ์ส่วนควบของรถยนต์ที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นอุปกรณ์เดียวที่เชื่อมระหว่างตัวรถกับพื้นถนนและเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในระบบความปลอดภัย โดยเฉพาะหากใช้งานมายาวนานจนดอกยางใกล้หมด ก็อาจเกิดอุบัติเหตุจากอาการเบรกไม่อยู่ได้
แต่ความกังวลนั้นใช้ไม่ได้กับ มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี EverGripTM สุดล้ำหน้าเอกสิทธิ์เฉพาะมิชลินที่ใช้เวลาในการออกแบบนานถึง 3 ปีเต็ม ภายใต้แนวคิด “อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน” ที่นำผู้บริโภคไปสู่อีกขั้นของความปลอดภัย โดยยังคงให้ประสิทธิภาพการเกาะถนนดีเยี่ยม ระยะเบรกที่สั้นกว่า ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย EverGripTM ตั้งแต่แรกใช้ และแม้ยางนั้นจะผ่านการใช้งานจนยางใกล้หมดดอกแล้วก็ตาม (ยางที่มีร่องดอกยางลึกเพียง 2 มิลลิเมตร) พร้อมความนุ่ม เงียบ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของมิชลินที่ยังคงมีอยู่ในยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4
จากผลการทดสอบระยะเบรกซึ่งวิ่งทดสอบที่จังหวัดชลบุรี บนพื้นถนนเปียกและแห้งที่อุณหภูมิ 27°C-32°C เมื่อเดือนมกราคม 2561 โดยติดตั้งยางมิชลินไพรมาซี่ 4 ขนาด 255/50R17 สี่เส้นใหม่บนรถทดสอบ HONDA Accord โดยขับขี่ด้วยความเร็ว 0 – 80 กม./ชม. เปรียบเทียบยางใหม่ของมิชลิน ไพรมาซี่ 4กับยางใหม่ชั้นนำทั่วไป และยางมิชลินไพรมาซี่ 4 รุ่นเดียวกันที่ใกล้หมดดอกกับยางทั่วไปชั้นนำในสภาพเดียวกันที่ดำเนินการทดสอบโดย บริษัท ทียูวี ไรน์แลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลลัพธ์จากการทดสอบระยะเบรกของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 กับยางใหม่ชั้นนำทั่วไปพบว่ายางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีค่าเฉลี่ยระยะเบรกสั้นกว่ายางชั้นนำทั่วไป ถึง 2.5 เมตรขณะที่ผลลัพธ์จากการทดสอบ เมื่อเทียบในกลุ่มยางใกล้หมดดอกด้วยกัน พบว่ายางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 มีค่าเฉลี่ยระยะเบรกสั้นกว่ายางชั้นนำทั่วไปถึง 5.1 เมตร
และผลลัพธ์จากการทดสอบระยะเบรกของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ที่ดอกยางใกล้หมดกับยางใหม่ชั้นนำทั่วไปยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4ก็ยังมีค่าเฉลี่ยระยะเบรกที่สั้นกว่ายางใหม่ชั้นนำทั่วไปถึง 1.8 เมตร จึงมั่นใจได้ว่ายางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ให้ความมั่นใจ ตั้งแต่ยางใหม่จนกระทั่งดอกยางใกล้หมดอย่างแท้จริง
นั่นเป็นผลมาจากเทคโนโลยีความปลอดภัย EverGrip TM ที่การออกแบบร่องรีดน้ำแบบใหม่ โดยเพิ่มพื้นที่ในการรีดน้ำขึ้นถึง 50% ทำให้รีดน้ำได้ดี แม้ผ่านการใช้งานไปแล้วจนดอกยางใกล้หมด และแม้ร่องรีดน้ำจะกว้างขึ้น แต่หน้ายางก็มีพื้นที่สัมผัสมากขึ้นด้วย ช่วยให้การยึดเกาะถนนในสภาพเปียกได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงสูตรผสมเนื้อยางที่เป็นนวัตกรรมล่าสุด ที่ทำให้เนื้อยางมีความยืดหยุ่นกว่า ช่วยให้การยึดเกาะถนน มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าเดิม นี่คือหัวใจหลักที่ช่วยให้มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ยังคงเกาะถนน และเบรกสั้น มั่นใจ แม้จะผ่านการใช้งานมายาวนานจนยางใกล้หมดดอก
นอกจากนี้ ยางมิชลินไพรมาซี่4 ยังให้การขับขี่นุ่มนวลและเงียบมากกว่าเดิม ด้วยเทคโนโลยี Silent Rib รุ่นที่ 2 ที่ช่วยลดเสียงรบกวนไม่ให้เข้าไปในห้องโดยสาร และดูดซับแรงกระแทกได้ดียิ่งขึ้น ให้ประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายอย่างแท้จริง ตามเอกลักษณ์ยางมิชลิน ตระกลู ไพรมาซี ซึ่งยาง Michelin ไพรมาซี่ 4 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับรถยนต์นั่งขนาดกลางไปจนถึงรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ ที่ต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่ แต่ยังคงให้ความมั่นใจในประสิทธิภาพในการเกาะถนน และระยะเบรกสั้น แม้เวลาเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคย
มั่นใจในประสิทธิภาพของยาง มิชลิน ไพรมาซี่ 4 ยืนยันด้วยผลการทดสอบที่ให้ตัวเลขบอกถึงความสามารถของยางมิชลิน ไพรมาซี่ 4 ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนไทย ที่เดินทางบ่อยทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว แม้สภาพฟ้าฝนจะไม่เอื้ออำนวย ช่วยให้มั่นใจกว่ายางทั่วไป ทั้งหมดนี้มีอยู่ใน มิชลิน ไพรมาซี่ 4 อายุยางเปลี่ยน ความมั่นใจไม่เคยเปลี่ยน
httpv://youtu.be/lDgTqGfoN_s
[บทความนี้เป็น Advertorial]