เราเห็นสมาคมนิสิตเก่าในหลายสถาบันที่ร่วมกันทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ การจัดแข่งแรลลี่การกุศล หรือการร่วมกันปลูกป่าสร้างโรงเรียน ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่เกิดการรวมกลุ่มกันของเพื่อนพี่น้องในสถาบันเดียวกันแล้วออกมาสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับสังคม และอีกหนึ่งสมาคมที่มีบรรดานิสิตเก่าจากหลากหลายวงการและส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลระดับหัวกระทิของสังคม ได้แก่ “สมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” (MBA Chula Alumni Association) ซึ่งเปิดแถลงข่าวการจัดกิจกรรมร่วมฉลองวาระ 100 ปีแห่งการประดิษฐานจุฬาฯ พร้อมทั้งครบ 35 ปีหลักสูตรเอ็มบีเอ จุฬาฯ อย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อเร็วๆ นี้
ขึ้นชื่อว่าเป็นการวมตัวกันของกลุ่มคนระดับชั้นครีมของเมืองไทย ดังนั้น กิจกรรมที่ ทาง MBA ChulaAlumni จึงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน โดยในปีนี้เป็นการรวมพลังครั้งใหญ่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “MBA CU Drive for Transformation” หรือ “รวมพลังเอ็มบีเอ จุฬาฯ สร้างสรรค์ขับเคลื่อนสังคมและประเทศ” พร้อมกับแถลงข่าวเปิดตัวนายกสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบี จุฬาฯสมัยที่3 คนใหม่ไฟแรงเบอร์1แห่งธนาคารออมสิน คือ คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินคนปัจจุบัน ท่านจะมาพูดถึงภาพรวมกิจกรรมทั้งหมด พร้อมกับที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสมาคมฯ อีก 3 ท่านที่ให้เกียรติ Marketing Oops! ในการสัมภาษณ์พิเศษเกี่ยวกับการจัดงานครั้งใหญ่ในปีนี้
คุณชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ในฐานะนายกสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯสมัยที่ 3 วาระ ปี พ.ศ.2559-2561 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในคอนเซ็ปต์ MBA CU Drive for Transformation ว่า กลุ่มนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันระดับเอ็มบีเอของจุฬาฯ กว่าหมื่นคนและถือว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้มีความสามรถที่มาจากหลากหลายวงการ ดังนั้น การรวมตัวกันก็จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันประเทศไปสู่การทรานส์ฟอร์เมชั่นสู่สังคม 4.0 ตามนโยบายรัฐบาลได้ ซึ่งนิสิตเก่า MBA Chula ที่มีความสามารถและเป็นระดับ Executive ก็มีหลายท่าน อาทิ คุณสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ซีอีโอ) บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) หรือ คุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) คุณกฤษฏา มนเทียรวิเชียรฉาย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ฯลฯ เป็นต้น และยังมีระดับผู้บริหารท่านอื่นๆ อีกมาก
“ดังนั้น ด้วยศักยภาพของนิสิตเก่าเอ็นบีเอ จุฬาฯ เราจึงเชื่อว่าจะสามารถพลิกฟื้นประเทศไทยปรับเปลี่ยนประเทศไปสู่การแข่งขันกับนานาชาติได้ จึงเป็นที่มาของการทรานฟอร์มจากระบบเศรษฐกิจเดิมคือ SMEs ธรรมดา ไปสู่ SMEs ที่มีอินโนเวชั่นมากขึ้น หรือเป็น Start-Up Business มากขึ้น จึงเป็นอีกบทบาทสำคัญที่ทางสมาคม MBA Chula ของเราลุกขึ้นมาเพื่อบอกว่า เราจะปรับเปลี่ยนประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ได้ และอีกประการที่สำคัญคือ เราคาดหวังที่จะปลุกกระแสให้นิสิตเก่า MBA Chula ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อสังคมในทุกรูปแบบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมและประชาชนคนไทยอีกด้วย”
โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่การมอบรางวัลใหญ่ 4 รางวัล ได้แก่ 1.รางวัล DRIVE AWARDS 2.รางวัล JUMC STAR 3.รางวัล 35th MBA Chula Alumni Awards และ 4.รางวัล 35th MBA Chula Alumni Star Awards โดยจะมอบให้กับทั้งนิสิตเก่าที่มีชื่อเสียงที่ทำคุณงามความดี และบุคคลภายนอกที่มีส่วนพลักดันขับเคลื่อนสังคมเศรษฐกิจและประเทศชาติ นอกจากนี้ในส่วนของกิจกรรมสมาชิกสัมพันธ์ก็มีอีกมาก เช่น การจัดงานด้านวิชาการที่จะมาอัพเดทความรู้ใหม่ๆ ให้กับสมาชิกทุกๆ 2 เดือน กับกิจกรรม Refresh Night และกิจกรรมซีเอชอาร์อื่นๆ เช่น การปลูกฝังวิถีผู้นำให้เยาวชนผ่านกิจกรรม Rally for kids หรือกิจกรรม Run for kids เพื่อนำรายได้ไปซ่อมแซมโรงเรียนยากไร้ในพื้นที่ห่างไกล เป็นต้น ทั้งหมดนี้ก็เพื่อดึงศักยภาพที่มีอยู่ทั้งหมดของพวกเราชาว MBA Chula มาสร้างสรรค์สังคมให้ดียิ่งขึ้น
“วันนี้เราขับเคลื่อนสังคมไทย โดยพวกเราจะเป็นต้นแบบให้กับสมาคมเอ็มบีเอ เพราะไม่ใช่แค่การทำประโยชน์เพื่อมหาวิทยาลัยอย่างเดียว แต่เราจะทำเพื่อสังคม จะเปิดกว้าง เป็นต้นแบบให้ทุกคนได้มีส่วนร่วม เราจะเชิญทุกๆ ท่านมาร่วมกันพัฒนาประเทศด้วยกัน เพราะพวกเราทุกคนมีความพร้อมทั้งศักยภาพและความรอบรู้อยู่แล้ว”
ด้าน ดร.วิชาญ อร่ามวารีกุล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ กล่าวถึงรางวัล 35th MBA Chula Alumni Awards ว่า ในปี 2560 เป็นปีที่ครบรอบ 35 ปี หลักสูตรเอ็มบีเอ จุฬาฯ และเป็นปีพิเศษฉลอง 100 ปีแห่งการประดิษฐานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทางสมาคมฯ ได้เตรียมจัดกิจจรมใหญ่ 35th MBA Chula Always Reconnect เป็นงานรียูเนียนรวมพลนิสิตเก่าและนิสิตปัจจุบันครั้งใหญ่ พร้อมกันนี้ได้ยังมีการมอบรางวัลให้กับนิสิตเก่าดีเด่นที่สร้างชื่อเสียให้กับคณะเป็นปีที่ 2 โดยจะคัดสรรผู้นำระดับบริหารในหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมีนิสิตเก่าจากเอ็มบีเอ จุฬาฯ อยู่ทุกวงการ โดยทางสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ ร่วมกับหลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ และคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาฯ คัดสรรนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ จากรุ่นต่างๆ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับซีอีโอจากหลายองค์กร โดยแบ่งออกเป็น 5 สาขาด้วยกัน ได้แก่ CEO Finance, CEO Strategic, CEO Marketing, CEO CSR และ CEO HR ซึ่งทุกท่านที่ได้รับรางวัล นอกจากจะเป็นนิสิตเก่าที่สร้างชื่อเสียงแล้ว ที่สำคัญคือจะต้องมีบทบาทในการสร้างสรรค์คุณงามความดีให้กับประเทศชาติและเป็นแบบอย่างของผู้บริหารองค์กรที่ดีอีกด้วย
“เราจะมองในภาพกว้างว่าบทบาทที่สมาคมฯ ทำนั้นจะต้องส่งเสริมถึงการเจริญเติบโตของสังคมด้วย ไม่ใช่ไปทำอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์ มุ่งเน้นแต่ด้านการเงินอย่างเดียว กิจกรรมที่เราทำจะลงสู่สถาบันการศึกษา เพื่อส่งเสริมอนาคตของเยาวชนรุ่นใหม่ รวมทั้งสังคมที่จะต้องดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมที่มีคุณธรรม คือขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกับคุณธรรม”
คุณสุชาย พรศิริกุล ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์และอดีตนายกสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ สมัยที่ 1 ที่จะมาพูดถึงรางวัล 35th MBA Chula Alumni Star Awards ว่า เป็นรางวัลที่มอบให้กับนิสิตเก่าที่เป็นผู้นำรุ่นใหม่ไฟแรง อายุไม่เกิน 35 ปี โดยที่ธุรกิจของเขานั้นจะต้องมีนวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนประกอบไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างโดดเด่น เป็นธุรกิจที่มีไอเดียสร้างสรรค์และที่สำคัญคือต้องดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย สำหรับรางวัลในหมวดนี้แบ่งออกเป็น 4 สาขาด้วยกันได้แก่ Innovation Star, Creation Star, Environment Star และ Social Media Star
“ด้วยความที่เทรนด์ในตอนนี้มีการพูดถึงสตาร์ทอัพกันเยอะมาก ทางสมาคม MBA Chula เองก็เล็งเห็นว่า นิสิตเก่าเราหลายคนที่เป็น Young Executive เป็นคนเก่งมีความสามารถหลายคนด้วยกัน ดังนั้น รางวัลนี้จึงเป็นการให้เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์ธุรกิจเพื่อคนรุ่นใหม่ที่มีหัวสร้างสรรค์และที่สำคัญต้องคำนึงถึงสังคมด้วย เพื่อสร้างเศรษฐกิจที่เจริญเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป”
คุณโตสิต วิสาลเสสถ์ ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ และอดีตนายกก่อตั้งสมาคมนิสิตเก่าเอ็มบีเอ จุฬาฯ กล่าวถึงอีก 2 รางวัล สำคัญ ได้แก่
1. DRIVE AWARD
2. JUMC STAR
รางวัล DRIVE AWARD เป็นรางวัลที่มอบให้กับผู้นำองค์กรชั้นนำ พร้อมประกาศเกียรติคุณต้นแบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ซึ่งมอบให้กับบุคคลภายนอกไม่จำเป็นต้องเป็นนิสิตเก่า MBA Chula เป็นการคัดสรรบุคคลจากทุกสาขาอาชีพ โดยแบ่งเป็น 5 รางวัลด้วยกัน ดังนี้
1. Drive Award for Management Excellence
2. Drive Award for Strategic Excellence
3. Drive Award for Marketing Excellence
4. Drive Award for HR Excellence
5. Drive Award for Finance Excellence
รางวัล JUMC STAR ปีนี้จะเป็นรางวัลที่มอบให้กับ Start-Up รุ่นใหม่อายุไม่เกิน 35 ปี ที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจ โดยกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะคัดเลือกคนที่มีผลงานโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์ในการบริหารธุรกิจในด้านต่างๆ ตามที่ทางโครงการกำหนดในปีนั้นๆ เพื่อเป็นเกียรติและเป็นกำลังใจให้ผู้ที่ได้รับรางวัล และเป็นแบบอย่างเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนทั่วไปอีกด้วย
“ที่ผ่านมาเอ็มบีเอ จุฬาฯ มีคนเก่งเข้ามาเยอะและเข้ายาก ดังนั้น คนเรียนคือหัวกะทิในแต่ละสาขา และเมื่อมาเรียนแล้วไม่มีช่องทางที่จะได้ติดต่อปฏิสัมพันธ์กัน ดังนั้น สมาคมฯ จึงเป็นเสมือนช่องทางที่ให้ได้มารวมตัวกัน เป็นการร่วมกันขับเคลื่อนสังคมให้ดียิ่งๆ ขึ้นอีกด้วย อย่างปีนี้ที่เราเน้นเรื่องของ Drive for Transformation เป็นการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนรูปแบบทั้งหมด เอาตัวเราเป็นศูนย์กลาง และเอานิสิตเก่าที่เห็นด้วยเข้ามาช่วยกัน เพื่อขับเคลื่อน เพราะเชื่อว่าพวกเราชาว MBA Chula สามารถรวมพลังขับเคลื่อนประเทศได้”
ส่วนในโครงการ JUMC หรือ Junior MBA Chula เป็นหนึ่งในสังคมคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเข้ามาสัมผัสประสบการณ์นั้น เราทำต่อเนื่องมากว่า 10 ปี ได้รับผลการตอบรับจากคนรุ่นใหม่ มากมายกว่าที่คาดหวังไว้ และฐานของคนรุ่นใหม่กลุ่มนี้ ทั้ง ในส่วนของรุ่น JUMC Next ซึ่งอายุ ไม่เกิน 27 ปี และในส่วนของรุ่น JUMC WoW อายุไม่เกิน 35 ปีนั้น จะเป็นกลุ่มพลังขับเคลื่อนรุ่นใหม่ที่สมาคมสร้างขึ้นอย่างตั้งใจ เพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนสังคมและประเทศไปพร้อมๆกันกับผู้นำระดับแนวหน้า
และทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การผนึกกำลังร่วมกันของสมาคมเพียงหนึ่งสมาคม แต่บุคคลแต่ละท่านนั้นเป็นระดับผู้นำชั้นแนวหน้า ดังนั้น หากกลุ่มคนเหล่านี้ได้มาร่วมตัวกันสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สิ่งนี้จะผลักดันให้เกิดอิมแพ็คที่กว้างขึ้นในสังคมตามเจตนารมณ์ของสมาคม ที่ต้องการเป็นสังคมคนเอ็มบีเอที่ดีที่สุดในประเทศไทย ตามที่ท่านนายกสมาคมคนใหม่ตั้งใจไว้
และทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การผนึกกำลังร่วมกันของสมาคมเพียงหนึ่งสมาคม แต่บุคคลแต่ละท่านนั้นเป็นระดับผู้นำชั้นแนวหน้า ดังนั้น หากกลุ่มคนเหล่านี้ได้มาร่วมตัวกันสร้างสรรค์เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น สิ่งนี้จะผลักดันให้เกิดอิมแพ็คที่กว้างขึ้นในสังคมตามเจตนารมณ์ของสมาคม ที่ต้องการเป็นสังคมคนเอ็มบีเอที่ดีที่สุดในประเทศไทย ตามที่ท่านนายกสมาคมคนใหม่ตั้งใจไว้
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.mbachulaalumni.com และ www.facebook.com/mbachulaalumni