เรียกได้ว่าหลายประเทศในยุโรปเตรียมตัวใช้กฎหมาย “ห้ามจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน” หรือห้ามจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปในปี 2030 ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 8 ปีเท่านั้น ค่ายรถยนต์หลายค่ายต่างออกมาปรับเปลี่ยนสายการผลิตเพื่อก้าวเข้าสู่ยุคของรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นค่ายรถยนต์ทั่วไปหรือแม้แต่ค่ายรถยนต์หรู แต่สำหรับรถยนต์ Supercar การปรับเปลี่ยนสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าอาจกลายเป็นหายนะครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม
Lamborghini ค่ายรถยนต์สุดหรูขวัญใจผู้คนทั่วโลก เป็นหนึ่งค่ายที่ชี้ให้เห็นถึงความกังวลใจในผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากตลาดรถยนต์ทั่วโลกกลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า นั่นเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Lamborghini ให้ความสำคัญในการพัฒนาเครื่องยนต์จนกลายเป็นหนึ่งใน Supercar ที่ผู้คนทั่วโลกต้องการครอบครอง และได้ลองสัมผัสขุมพลังของกระทิง รวมถึงความหรูหราที่ไม่สามารถหาได้จาก Supercar คันไหนๆ
แม้ว่าก่อนหน้านี้ Stephan Winkelmann CEO Lamborghini จะออกมาชี้โพรงถึงการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายช่วงก่อนที่กฎหมายห้ามจำหน่ายรถยนต์ใช้น้ำมันจะเริ่มขึ้น แต่เมื่ออธิบายเพิ่มเติมก็ทำให้ทราบว่า เป็นรถยนต์ไฟฟ้าลูกผสมหรือ Hybrid โดยน่าจะถูกนำไปใช้กับประเภทรถยนต์ SUV ทั้งนี้ Lamborghini ยังคงมีปนวคิดที่จะให้รถ Supercar ยังคงรักษาเครื่องยนต์สันดาปที่ได้รับการพัฒนามาอย่างยาวนานไว้
หนึ่งในนั้นคือการเตรียมเสนอให้กฎหมายดังกล่าว ยกเว้นกลุ่ม Supercar ด้วยการเตรียมเสนอการใช้เชื้อเพลิงรูปแบบใหม่ที่เป็นเชื้อเพลิงสังเคราะห์ (Synthethic Fuel) สำหรับทดแทนน้ำมัน ซึ่งจะช่วยทำให้รถยนต์ Supercar ไม่อยู่ในกลุ่มที่ถูกห้ามจำหน่าย โดยเชื้อเพลิงสังเคราะห์เป็นเชื้อเพลิงที่ผลิตจากการผสมกันระหว่างก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และก๊าซไฮโดรเจน ที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เนื่องจากเชื้อเพลิงสังเคราะห์ไม่มีกำมะถันเป็นส่วนผสม แต่มีคุณสมบัติไม่ต่างจากน้ำมันทั่วไป
ไม่เพียงแค่ Lamborghini เท่านั้นที่พยายามผ่าทางตันด้านเครื่องยนต์ แต่ยังมีค่ายรถยนต์ Supercar อีกหลายที่ ที่พยายามค้นหาทางออกที่ดีที่สุด อย่างคู่แข่งตลอดกาล Ferrari ม้าลำพองสีแดงสดจากอิตาลี หรือจะเป็น Aston Martin รถยอดนิยมของ 007 และ McLaren เจ้าตำนานความเร็วบนสนามแข่ง ซึ่งต้องจับตาดูกันต่อไปว่า Supercar เหล่านี้จะแก้เกมกันอย่างไร
Source: Reuters