ปีใหม่ไทยปีนี้ นอกจากการเล่นน้ำที่ทุกคนรอคอย แลคตาซอยได้จัดกิจกรรมการกุศลประจำปี “Lactasoy Charity 2017” ภายใต้ชื่อ “อิ่มบุญนานนาน…ที่น่าน” ที่นอกจากจะพาคณะบุญกว่า 140 ชีวิตไปสร้างกุศลที่จังหวัดน่าน ดินแดนล้านนา ได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาแล้วนั้น ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยไปด้วยในตัวนั่นเอง
นายสามารถ จิรพัฒนกุล กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท แลคตาซอยจำกัด ผู้เป็นผู้นำจัดกิจกรรมนี้ ได้กล่าวว่า “แลคตาซอยได้จัดกิจกรรมเพื่อการกุศลมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 15 แล้ว เริ่มจากการจัดแรลลี่ไหว้พระ 9 วัดใน 9ปีแรก ส่วนเมื่อปีที่แล้วเป็นการล่องเรือทำบุญริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับปีนี้ ก็มีความพิเศษ เพราะได้พาผู้ร่วมกิจกรรมเดินทางมาที่จังหวัดน่าน ซึ่งนอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังได้ช่วยผู้ด้อยโอกาสในสังคม เพราะทางแลคตาซอยจะนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายไปมอบให้แก่องค์กรณ์สาธารณกุศลอีกด้วย”
นอกจากจะได้สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวในดินแดนล้านนาที่สืบทอดประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 600 ปีแล้วนั้น ภายในงานยังได้เชิญ อาจารย์สมเจตน์ วิมลเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปวัฒนธรรม จังหวัดน่าน มาเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมา ให้คณะบุญได้ซึมซับวิถีชุมชนที่น่าสนใจ อีกทั้งยังมีกิจกรรมให้ได้ลองทำสิ่งมงคลอย่าง “ตุงค่าคิง” หรือ “ตุงก้าคิง” ที่วัดพระเกิดอีกด้วย
ตุงค่าคิงนั้น เป็นตุงสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่อของล้านนา ที่คนภาคเหนือเชื่อว่า ‘ตุง’ คือธงที่พระพุทธเจ้าประกาศชัยชนะเหนือหมู่มาร ส่วนคำว่า ‘ค่า’ นั้นแปลว่า “เท่ากับ” และคำว่า ‘คิง’ แปลว่า “ตัวเรา” ดังนั้นลักษณะของ ‘ตุงค่าคิง’ นั้น จะเป็นธงที่มีความสูงเท่ากับตัวผู้ทำ เป็นตัวแทนของคนทำ เพื่อใช้เป็นเครื่องประกอบพิธีสืบชะตาหลวงตามพิธีล้านนา เสริมบารมีให้แก่เจ้าของตุง
นอกจากการถวายตุงแล้ว แลคตาซอยยังมีโปรแกรมพาทัวร์ไหว้พระ ให้คณะบุญได้ชมความงามของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่อยู่คู่เมืองน่านมานาน เริ่มจาก “วัดพระธาตุเขาน้อย” เพื่อร่วมสักการะพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าซึ่งบรรจุอยู่ในองค์พระธาตุศิลปะแบบพม่าผสมล้านนา แล้วเดินทางต่อเพื่อไปไหว้พระพุทธรูปทองคำ “พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี” ศิลปะสุโขทัยอันงดงาม ที่ “วัดช้างค้ำ”
จากนั้นเดินข้ามถนนมายัง “วัดภูมินทร์” ซึ่งมีเอกลักษณ์ทางด้านพุทธศิลป์ คือสร้างเจดีย์และพระอุโบสถเป็นหลังเดียวกัน คล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาค 2 ตัว มีความเชื่อว่าหากลอดแล้วจะโชคดี อีกทั้งยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามจนเป็นทีเลื่องลือ คือ “ภาพปู่ม่าน – ย่าม่าน” และภาพ “โมนาลิซ่าเมืองน่าน” แล้วจึงนั่งรถต่อมายัง “วัดมิ่งเมือง” ซึ่งสวยงามด้วยศิลปะปูนปั้นสดสีขาว และด้านนอกนั้นเป็นที่ประดิษฐานของเสาหลักเมืองน่าน ที่ชาวน่านและนักท่องเที่ยวนิยมมาสักการะขอพร
แล้วเดินทางต่อมาที่ “วัดศรีพันต้น” เพื่อสักการะพระสังกัจจายน์ ซึ่งมีขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดน่าน มีอายุมากกว่า 500 ปี แล้วจึงปิดท้ายทริปอิ่มบุญนี้ ด้วยการร่วมพิธีสืบชะตาที่ “วัดพระธาตุแช่แห้ง” องค์พระธาตุสีทองอร่ามอายุกว่า 600 ปี คู่บ้านคู่เมืองน่าน ส่วนชื่อ “แช่แห้ง” อาจารย์สมเจตน์ได้แปลความหมายไว้ดังนี้ คำว่า “แช่” คือทุกข์ สมุทัย คำว่า “แห้ง” คือ นิโรธ มรรคดังนั้น “แช่แห้ง” นั้น เปรียบดั่งการหาทางให้ตัวเองพ้นทุกข์ คือ เมื่อแช่อยู่ในทุกข์ ก็ต้องหาวิธีให้ตัวเองแห้งหรือห่างจากทุกข์นั่นเอง
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมดี ๆ ที่น่าสนใจนะครับ เพราะนอกจากจะอิ่มบุญกันเต็มที่แล้วนั้น ยังได้อิ่มอร่อยกับหลากหลายเมนูอาหารเหนือ และยังได้เปิดหูเปิดตา เดินช็อปปิ้ง ดูการแสดงทางวัฒนธรรมที่ถนนเดินเล่นคนเมืองอีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจอยากร่วมทำบุญอิ่มใจกับแลคตาซอยในครั้งต่อไป สามารถติดตามข้อมูลได้ที่ www.lactasoy.com นะครับ
Copyright © MarketingOops.com
