“กรุงศรี คอนซูมเมอร์” นับเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจบัตรเครดิต สินเชื่อเพื่อการผ่อนชำระ และสินเชื่อส่วนบุคคล ของประเทศไทยที่มีจำนวนบัญชีบัตรเครดิตสินเชื่อมากกว่า 10 ล้านบัญชี ขณะที่ผลประกอบการในปี 2023 ที่ผ่านมาก็เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมียอดบัตรเครดิตใหม่ถึง 339,000 บัตร มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงถึง 3.65 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นถึง 10% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่เป้าหมายในปี 2024 ยังตั้งไว้ให้เติบโตมากขึ้นอีก 8%
ในส่วนของแคมเปญทางการตลาดอย่าง ”เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี” แคมเปญเรือธงที่ใช้ความแข็งแกร่งจากการเป็นพันธมิตรกับเครือธนาคาร MUFG หรือ Mitsubishi UFJ Financial Group หนึ่งในสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกและใหญ่เป็นอันดับ 1 ในประเทศญี่ปุ่น ทำแคมเปญจนก้าวสู่การเป็นผู้นำในการให้บริการทางการเงินสำหรับคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นได้ ความสำเร็จเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? 3 ผู้บริหารกรุงศรี คอนซูมเมอร์ อย่างคุณอธิศ รุจิรวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส จำกัด, คุณสมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด และคุณนายอธิป ศิลป์พจีการ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารธุรกิจกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด ได้เล่าให้ฟังในการแถลงช่าวเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา
กรุงศรี King of Partnership
การ “มีพาร์ตเนอร์ที่แข็งแกร่ง” นับเป็นจุดแข็งของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องยาวนานโดยเฉพาะบทบาทของการเป็นผู้นำในการทำ co-brand operator โดยหากนับบัตร co-brand ในประเทศไทยทั้งหมดกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ครองส่วนแบ่งตลาดมากกว่า 50% เลยทีเดียว โดยบัตร co-brand ต่างๆที่เรารู้จักก็อย่างเช่น “บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน”, “บัตรเครดิตโลตัส” หรือ “บัตรเครดิตกรุงศรีโฮมโปร” ก็เกิดขึ้นจากการสร้างพันธมิตรโดยเฉพาะพันธมิตรซึ่งบางเจ้าก็จับมือกับกรุงศรีมาอย่างยาวนานถึง 20 ปีก็มี นอกจากพาร์ตเนอร์ในการทำ co-brand operator แล้ว ยังมี promotional part เนอร์อีกจำนวนมากกว่าหมื่นรายที่พร้อมมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า
นอกจากพาร์ตเนอร์ในประเทศแล้วกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังมีพาร์ตเนอร์ระดับ Global อย่าง MUFG ซึ่งก็มีพาร์ตเนอร์จำนวนมากในประเทศญี่ปุ่นนำไปสู่การสร้างแคมเปญอย่าง “เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี” ได้อย่างประสบความสำเร็จและกำลังจะต่อยอดต่อไปในปี 2024 นี้ด้วย
คุณอธิศ ระบุ ถึงเคล็ดลับในการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งเอาไว้ว่า “เคล็ดลับของการสร้างความร่วมมือก็คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ความเข้าใจซึ่งกันและกัน เป็นเรื่องของ give and take relationship คือการบริหารจัดการอะไรร่วมกันก็ต้องสร้างสมดุลระหว่างการให้และรับ และที่สำคัญที่สุดคือความจริงใจ นั่นทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ สามารถเป็นผู้นำในตลาดในฐานะ Co-Brand operator ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เซ็นทรัล, โลตัส หรือ โฮมโปร เรามีความสัมพันธ์ยาวนานในหลัก 20 ปีทั้งสิ้น”
4 กลยุทธ์หลักยกระดับธุรกิจปี 2024
ด้วยแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจบัตรเครดิต ผลมาจากการจับจ่ายใช้สอยของผู้คนเพิ่มมากขึ้นหลังการผ่อนคลายวิกฤตโควิด 19 รวมถึงพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง “กรุงศรี คอนซูมเมอร์” ยังคงต่อยอดความสำเร็จไปอย่างต่อเนื่องโดยในปี 2024 นี้จะมีกลยุทธ์หลักๆ 4 เรื่องด้วยกันไม่ว่าจะเป็น
- Grow Core Business เร่งความเติบโตของธุรกิจหลักซึ่งก็คือธุรกิจ Payment and Lending ที่ผ่านมาบริษัทพยายามขยายระบบนิเวศธุรกิจออกมาหลายอย่างก่อนหน้านี้ แต่ในปีนี้จะเน้น สินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตให้มากขึ้นกว่าเดิม
- Expand Partnership Ecosystem ขยายระบบนิเวศพันธมิตร ให้มากขึ้นซึ่งเป็นโมเดลที่เป็นจุดกำเนิดของ 3 ใน 4 บริษัทภายใต้กรุงศรี คอนซูเมอร์ด้วย โดยเฉพาะพันธมิตรอย่าง MUFG ที่จะเพิ่มพาร์ตเนอร์ให้มากขึ้นเป็น 600 ราย
- Foster Product Innovations การส่งเสริมนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ซึ่งเวลานี้ก็กำลังมองหาความเป็นไปได้กับบริการ Buy Now Pay Later (BNPL) หรือการใช้จ่ายผ่าน Wearable Device อยู่เพื่อให้ลูกค้ามีทางเลือกมากยิ่งขึ้นเป็นต้น
- X-Group Synergies ความร่วมมือภายในและระหว่างเครือ ระดับธนาคารที่สามารถทำเพิ่มเติมและทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้นเช่นโปรเจ็กต์ one retail เพื่อใช้ความแข็งแกร่งเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ รวมไปถึงการใช้ธุรกิจที่อยู่นอกประเทศ รวมไปถึงประเทศญี่ปุ่นอย่าง MUFG Group เป็นต้น
จับ Insight ผู้บริโภคสู่แคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี”
“เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักที่ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เน้นตั้งแต่ปี 2023 ที่ผ่านมา และนอกจากความแข็งแกร่งของพาร์ตเนอร์ธุรกิจอย่าง MUFG ที่เป็นข้อได้เปรียบแล้ว ยังรวมไปถึงการศึกษา “Insight พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนไทย” อย่างเช่นข้อมูลการสำรวจของบริษัท วีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัดพบว่าประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศที่คนไทยอยากไปเที่ยวมากที่สุดในปี 2023 ที่ผ่านมา และนั่นก็สอดคล้องกับสถิติคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2023 จากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ที่พบว่ามีจำนวนมากถึง 995,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2022 ถึง 402% เลยทีเดียว
เมื่อมองมาที่ข้อมูลการใช้จ่ายของลูกค้าบัตรเครดิตในเครือกรุงศรี ในภาพรวมจำนวนผู้ใช้บัตรเครดิตกรุงศรี ที่เดินทางและใช้จ่ายต่างประเทศในปี 2023 ที่ผ่านมามีจำนวน 183,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 132% ส่วนข้อมูลการใช้จ่ายรวมมีมากถึง 5,500 ล้านบาทเติบโตขึ้น 97% เมื่อเจาะลึกลงไปในแต่ละประเทศที่เกิดการใช้จ่ายขึ้นพบว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศอันดับหนึ่งที่มียอดการใช้จ่ายมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนถึง 37% ตามมาห่างๆด้วยเกาหลีใต้ ฮ่องกง และอังกฤษ
ส่วนลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรี ในปี 2023 ที่ผ่านมามีผู้เดินทางไปใช้จ่ายที่ประเทศญี่ปุ่นจำนวนถึง 106,000 คน เติบโตขึ้นจากปี 2022 ถึง 180% โดยมีมูลค่าการใช้จ่ายรวมมากถึง 2,200 ล้านบาท โตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 250%
ในขณะที่หมวดการใช้จ่ายที่มียอดการใช้จ่ายสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ ห้างสรรพสินค้า โรงแรมที่พัก สินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางสินค้าเบ็ดเตล็ด สนามบินและสินค้าปลอดภาษี แต่หากเรียงจำนวนการใช้จ่าย 5 อันดับแรกจะเป็น เครื่องสำองค์สินค้าเบ็ดเคล็ด สินค้าแฟชั่นเครื่องแต่งกาย ห้างสรรพสินค้า สนามบินและสินค้าปลอดภาษี และ ร้านอาหาร
ในขณะที่กลุ่มคนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรในประเทศญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่เป็นเพศชายมากกว่าที่ 58% ส่วนใหญ่เป็นคนใน GenX และ GenY โดยจะเป็นกลุ่มคนที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป
ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุก Journey
เมื่อศึกษา Insight ของลูกค้าบัตรเครดิตแล้ว กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ยังศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าตลอดทั้ง Journey ตั้งแต่การเเตรียมตัวในขณะที่ยังอยู่ประเทศไทยเช่น การรับข้อมูลข่าวสารการท่องเที่ยว การจองที่พักตั๋วเครื่องบิน สินค้าที่ต้องซื้อก่อนเดินทาง การเดินทางไปสนามบิน การใช้ชีวิตที่สนามบิน เรื่อยไปจนถึงเมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น ตั้งแต่การเดินทาง อาหารการกิน สถานที่ท่องเที่ยว แหล่งช้อปปิ้งเพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นให้ดีที่สุดนำไปสู่การจับมือกับพันธมิตรในทุกๆ Touch Point ของลูกค้าโดยในปัจจุบัน กรุงศรี คอนซูมเมอร์ มีพันธมิตรที่มอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าแล้วมากกว่า 400 ราย
ตั้งเป้าเติบโต 50% ด้วย 4 กลยุทธ์ต่อยอด “เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี”
ด้วยแนวโน้มการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต โดยคาดการว่าในปี 2024 นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยจะเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจาก 995,000 คนไปแตะที่ 1.5 ล้านคน ทำให้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้าในปี 2024 นี้เอาไว้ว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้ามากขึ้นอีกถึง 150,000 คน เติบโตขึ้นจากปี 2023 ถึง 40% และตั้งเป้ามูลค่าใช้จ่ายรวม 2,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ถึง 50%
การเดินไปสู่เป้าหมายที่ตัวเลขค่อนข้างท้าทาย กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เองก็วางกลยุทธ์ในแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี” ในปีนี้เอาไว้ด้วย ซึ่งคุณสมหวัง ระบุว่ามีอยู่ 4 เรื่องหลักด้วยกันคือ
1. ขยายและต่อยอดระบบนิเวศธุรกิจ Japan Ecosystem โดยเฉพาะพันธมิตรที่ได้ผ่าน MUFG ของประเทศญี่ปุ่นที่ปัจจุบันมีอยู่จำนวนมากกว่า 400 ราย จะเพิ่มให้มากขึ้นเป็น 600 รายเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าบัตรเครดิตกรุงศรีให้ได้มากที่สุด
2. นำเสนอทางเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย ด้วยการเพิ่มวิธีการใช้จ่ายในประเทศญี่ปุ่นให้ได้มากขึ้นเช่นการผ่อนชำระ รวมไปถึงการใช้คะแนนในบัตรมาเป็นส่วนลดหรือใช้ชำระแทนเงินสดได้เลย และพัฒนารูปแบบการชำระใหม่ๆเช่นผ่าน Wallet เป็นต้น ซึ่งล่าสุด กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ก็เพิ่งเพิ่มบริการบัตร Krungsri Boarding Card เป็นบัตรแบบ Pre-Paid ที่สามาาถใช้แลกเงินได้มากถึง 16 สกุลเงิน ทำรายการออนไลน์ได้ สามารถตั้งค่าให้ซื้อตอนที่อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับต่ำได้รวมไปถึงสามารถแลกคืนและโอนเงินเข้าบัญชีได้โดยตรงด้วย
3. ครอบคลุมประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่นอย่างครบวงจรในไทย ด้วยการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในการเข้าถึง “ความเป็นญี่ปุ่น” ให้มากยิ่งขึ้นตั้งแต่การจับมือกับร้านอาหาร หรือร้านค้าญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยซึ่งในปัจจุบัน กรุงศรี คอนซูมเมอร์มีพันธมิตรร้านค้าและร้านอาหารมากกว่า 2,000 สาขาทั่วประเทศไทย มีสิทธิพิเศษสำหรับงานอีเวนต์ท่องเที่ยวญี่ปุ่น รวมไปถึงสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยคอนเทนต์ผ่านช่องทางออนไลน์รูปแบบต่างๆ
4. นำข้อมูลและนวัตกรรมเสริมประสบการณ์ คือการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าด้วยเทคโนโลยีใหม่อย่าง Artificial Intelligence หรือ AI มาช่วยเลือกนำเสนอคอนเทนต์ให้ตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคลหรือ personalization รวมไปถึงใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ข้อมูลเช่นการต่อยอด UMALL กับพันธมิตรญี่ปุ่น แนะนำโปรโมชั่นตามพิกัดร้านค้า รวมไปถึงโปรโมชั่นตามความชื่นชอบของผู้ใช้งานแต่ละคน นั่นเอง
สำหรับสิทธิพิเศษในคแมเปญ “เรื่องญี่ปุ่นต้องกรุงศรี” จะเริ่มต้นตั้งแต่ก่อนออกเดินทางเช่น ส่วนลดซื้อประกันเดินทาง แลกแต้มส่วนลดซื้อ SIM2FLY, ส่วนลดใช้บริการ Airport Lounge รวมไปถึงส่วนลดจากการซื้อสินค้าปลอดภาษีที่ King Power เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี ส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อจองบัตรโดยสารสายการบินที่ร่วมรายการ ส่วนลดร้านอาหารกว่า 2,000 ร้านกับแพลทฟอร์ม byFood.com ส่วนลดและสิทธิพิเศษกับแพลทฟอร์มจองบริการท่องเที่ยวอย่าง Klook รับส่วนลดช้อปปิ้งพร้อม Tax Refund รวมสูงสุด 10% และลดเพิ่มอีกกับร้านที่ร่วมรายการอย่าง BigCamera, Matsumoto KIYoshi, Drung, PAPASU เป็นต้น รวมไปถึงรับสิทธิพิเศษ Private Onsen กับโรงแรมและรีสอร์ทที่ร่วมรายการ ซึ่งเชื่อว่าจะมีการขยายสิทธิพิเศษเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต
สิทธิพิเศษเหล่านี้ยังรวมไปถึงการใช้จ่ายในประเทศไทยด้วยโดยเฉพาะร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านปิ้งย่างชาบู และร้านอาหารทั่วไทย รวมไปถึงสิทธิพิเศษจากอีเว้นท์ท่องเที่ยวที่จัดในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ทั้งหมดนี้คือกลยุทธ์หลักๆของ กรุงศรี คอนซูเมอร์ ในการแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อในปี 2024 นี้โดยเน้นไปที่การทำตลาดกับการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่นที่เริ่มกลับมาบูมอีกครั้ง ด้วยโปรโมชั่นและสิทธิพิเศษมากมายตลอดทั้ง Journey การท่องเที่ยวตั้งแต่ในประเทศไทยสู่ประเทศญี่ปุ่นจนกระทั่งเดินทางกลับ สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวญี่ปุ่นก็สามารถศึกษาข้อมูลสิทธิประโยชน์ต่างๆเพิ่มเติมได้ที่ https://kcc.gg/sf0n