ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจ e-Commerce เติบโตขึ้นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้หลายคนต้องอยู่กับบ้าน รวมไปถึงหลายคนที่ยังไม่เคยได้ลองซื้อขายผ่าน e-Commerce ก็ใช้สถานการณ์ดังกล่าวในการเรียนรู้และสร้างประสบการณ์ในการซื้อขายผ่านออนไลน์ ซึ่งการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ยังส่งผลต่อธุรกิจ Logistic ให้เติบโตตามไปด้วย
ซึ่งจะว่าไปแล้ว การเติบโตของธุรกิจ Logistic ก็ขึ้นอยู่กับธุรกิจ e-Commerce และถ้ามองหาเจ้าตลาดของธุรกิจ Logistic ที่เป็นเอกชนแท้ๆ คงต้องยกให้ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEX ผู้นำด้านการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ที่เรียกว่าเป็นบริษัทขนส่งเอกชนรายแรกที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน KEX ยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคชาวไทยมาหลายปี ขณะที่สถานการณ์ตลาดมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด หลายค่ายเกิดขึ้นมาใหม่และใช้ราคาเข้ามาเล่นเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งาน KEX ในฐานะผู้นำตลาดจึงประกาศระดมทุน โดยนำเสนอหุ้น IPO จำนวน 300 ล้านหุ้นที่ราคา 28 บาทต่อหุ้น
โดยมีการเปิดให้จองหุ้นกับนักลงทุนสถาบัน ซึ่งได้รับการตอบรับมากกว่า 23 เท่า โดยหุ้น KEX จะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 24 ธันวาคมนี้ สำหรับการระดมทุนครั้งนี้ KEX คาดว่าจะรับรายได้อยู่ที่ 8.4 พันล้านบาท โดยทุนจำนวนนี้จะนำไปลงทุนด้านเทคโนโลยีเน็ตเวิร์ค รวมไปถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค อีกส่วนหนึ่งจะนำไปชำระคืนเงินกู้และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เป็นทุนหมุนเวียน
สำหรับจุดที่ทำให้นักลงทุนมองเห็นศักยภาพของหุ้น KEX อยู่ที่แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ e-Commerce ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น รวมไปถึงต้นทุนในการดำเนินธุรกิจยังอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ขณะที่ KEX ยังมีกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์เพื่อขยายตลาดและกลยุทธ์ในการลดต้นทุน ที่สำคัญ KEX ยังคงพัฒนาต่อเนื่องเพื่อมองหาโอกาสใหม่ในการทำธุรกิจ ซึ่งต้องจับตาธุรกิจ e-Payment ที่อาจเป็นธุรกิจในสายตาของ KEX ในอนาคต ประกอบกับพันธมิตรที่มีชื่อเสียงและเน็ตเวิร์คธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
สิ่งหนึ่งที่ KEX ตั้งเป้าไว้คือการเข้าถึงผู้บริโภคอย่างง่ายดายเพื่อให้เกิดความสะดวกสบาย ทั้งการรับสินค้าและการส่งสินค้ากับลูกค้าไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม B2C และกลุ่ม C2C โดยปัจจุบัน KEX มีเครือข่ายครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัด ด้วยจุดบริการกว่า 15,000 แห่ง พร้อมศูนย์กระจายพัสดุกว่า 1,200 แห่ง