มีรายงานว่า Howard Schultz ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง ประธานบอร์ดบริหารของ Starbucks พร้อมกับกระแสข่าวที่ว่าเขาทำเพื่อที่จะเตรียมสู้ศึกชิงตำแหน่งประธานาธิบดี
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ทาง Starbucks ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า Howard Schultz ประธานบอร์ดบริหาร ตัดสินใจลงจากตำแหน่ง สิ้นสุดการบริหารงาน 36 ปีของเขา โดยจะมีผลประมาณสิ้นเดือนนี้ (บางรายงานระบุว่าวันที่ 26 มิถุนายนนี้)
ทั้งนี้ ในการสัมภาษณ์กับ The New York Times เขาเผยว่ากำลังพิจารณาเรื่องการลงรับสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอยู่
“ผมต้องการพูดแบบตรงไปตรงมากับคุณ โดยไม่ต้องไปจินตนาการบนพาดหัวข่าว” เขากล่าวและบอกว่า “ดังนั้น ผมอยากจะบอกว่าก็มีบางครั้ง ที่ลึกๆ แล้วผมห่วงใยเกี่ยวกับประเทศของเรา”
นอกจากนี้ Schultz ยังบอกกับ CNN ด้วยว่า “ผมคิดในทางเลือกอื่นๆ ด้วย รวมทั้งการรับใช้สาธารณะ แต่ผมก็มาไกลมากจากการตัดสินใจตรงนั้นเกี่ยวกับเรื่องของอนาคต”
ปัจจุบัน Schultz อายุ 64 ปี มีข่าวว่าเป็นไปได้อย่างมากที่เขาจะเข้าร่วมในพรรคเดโมแครต
เขาเป็นหนึ่งในคนที่สนับสนุน Hillary Clinton เพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2016 และเมื่อปีที่แล้วเขาเคยกล่าวโจมตี ประธานาธิบดีทรัมป์ ว่าเป็นต้นเหตุของความรุนแรงเรื่องของปัญหาสีผิวในประเทศ โดยเฉพาะเหตุการณ์เดินขบวนของกลุ่ม White supremacist ที่ชาล็อตวิลล์ รัฐเวอร์จิเนีย
ในช่วงที่เขาบริหารงาน Schultz สร้างผลกำไรให้กับ Starbucks มหาศาล สามารถขยายจาก 11 สโตร์ (ช่วงต้นปี 1980) จนปัจจุบันมีมากกว่า 28,000 สโตร์ใน 77 ประเทศ แล้วยังทำให้แบรนด์มีมูลค่าตลาดสูงถึง 78,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
Schultz เริ่มต้นทำงานในปี 1982 และขึ้นมาเป็น Chief Executive ในปี 1987-2000 และเคยลาออกไปก่อนจะกลับมาอีกครั้งในปี 2008-2017
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Starbucks เกิดวิกฤตเหตุการณ์ประท้วงเรื่องสีผิวของชายอเมริกัน-แอฟริกัน ซึ่ง Schultz ก็สามารถแก้วิกฤตได้เป็นอย่างดี โดยการประกาศปิดร้านกว่า 8,000 สาขาเพื่ออบรมการให้บริการในเรื่องนี้ พร้อมกับประกาศนโยบายใหม่เรื่องการอนุญาตให้คนสามารถเข้ามานั่งภายในร้านได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออะไรเลย เรียกว่าเป็นบรรทัดฐานใหม่ของร้านเลยก็ว่าได้
และหลังจากที่เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการหุ้นของ Starbucks ก็ตกลง 1% ทันทีที่เปิดตลาด
นอกจากนี้ คนดังอีกหนึ่งกระแสที่มีความคาดหวังว่าจะลงศึกชิงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ได้แก่ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรและนักแสดงชื่อดัง
ที่มา Money.cnn Washingtontimes.com
