เฮนเนสซี่ (Hennessy) ประเทศไทย จัดกิจกรรมเดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง เพื่อเปิดประสบการณ์ศิลปะและวัฒนธรรมแนวใหม่ ที่ทำให้ผู้ร่วมเดินทางก้าวไปสู่โลกแห่งศิลปะและวัฒนธรรมที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนกับกิจกรรม “เฮนเนสซี่ วีเอส อาร์ท คอลเลคชั่น โดย เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์” (Hennessy V.S x Shepard Fairey) ซึ่งการเดินทางครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสุดพิเศษสำหรับเหล่าสาวกของ “เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์” (Shepard Fairey) ศิลปินสตรีทอาร์ทชื่อดังระดับโลก ที่หลายๆ คนรู้จักผลงานของเขาในนาม “OBEY” กับการสร้างผลงานมาสเตอร์พีซชิ้นล่าสุดร่วมกับเฮนเนสซี่ วีเอส อาร์ทคอลเลคชั่น ในรุ่นที่ 4 ซึ่งครั้งนี้ “เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์” ได้เดินทางบินลัดฟ้าจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อมาร่วมถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ทางศิลปะเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นพิเศษในครั้งนี้แบบใกล้ชิดและเป็นกันเอง พร้อมทั้งได้สนุกไปกับไฮไลท์สุดพิเศษภายในงานเปิดตัว “เฮนเนสซี่ วีเอส อาร์ท คอลเลคชั่น โดย เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์” (Hennessy V.S x Shepard Fairey) ซึ่งได้ “Shepard Fairey” พลิกบทบาทสวมมาดดีเจ เปิดแผ่นมิกซ์เพลงในสไตล์เฉพาะของตัวเอง พร้อมด้วยเหล่าดีเจชื่อดังจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง “Olive Oil” และ “DJ.Seiho” ที่ผสมผสานท่วงทำนองของจังหวะดนตรี มารวมกับจังหวะการเต้น แท็ปได้อย่างลงตัวและน่าประทับใจ ณ Star Rise Tower (สตาร์ ไรส์ ทาว์เวอร์) กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
โดยกิจกรรมในครั้งยังได้เข้าร่วมพูดคุยกับ “เชปเพิร์ด แฟร์รี่ย์” (Shepard Fairey) แบบเป็นกันเองถึงที่มาและแรงบันดาลใจเกี่ยวกับผลงานมาสเตอร์พีชชิ้นใหม่ล่าสุดของเขาในการได้มาร่วมงานกับ เฮนเนสซี่ในครั้งนี้ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับ “เฮนเนสซี่” เป็นโอกาสดีในการนำเสนองานศิลปะของผมให้ผู้คนที่อาจไม่เคยรู้จัก ได้เห็นกันอย่างแพร่หลาย ผมประทับใจมากที่ได้ทำงานร่วมกับเฮนเนสซี่ เพราะเรามีปรัชญาและความเชื่อที่คล้ายกัน นั่นคือ “ศิลปะ” ภาพนี้จึงเป็นภาพที่บ่งบอกถึงสันติภาพ ความสามัคคี ความสง่างามและการเฉลิมฉลองให้กับสิ่งที่ดีกว่าในชีวิต การออกแบบครั้งนี้ เป็นงานที่ท้าทายมากสำหรับผม ในการเลือกวางลวดลายต่างๆ ลงบนฉลากให้ลงตัว ผมได้เลือกใช้โทนสีคล้ายๆ กันกับงานของเฮนเนสซี่ อย่างสีทอง สีดำ สีแดง สีครีม และนั่นคือการเชื่อมต่อระหว่างผมกับเฮนเนสซี่ สุดท้ายมันเลยกลายเป็นงานที่ไม่ยากเลยสำหรับผม หลายๆ ศิลปินที่เคยได้ร่วมงานกับเฮนเนสซี่ ทั้งคอวส์ (KAWS), ฟูตูร่า (Futura) และออส เจมีออส (Os Gemeos) พวกเขาเลือกใช้สีที่บ่งบอกความเป็นตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้ผลงานมีเอกลักษณ์เฉพาะ ผมเองก็ได้ใส่ไอคอนขนาดเล็กที่มีอังษรย่อคำว่า “OBEY” อยู่บนชิ้นงานนี้ด้วย
สำหรับหลายๆ คนที่เดินทางมาเพื่อชื่นชมผลงานของผมในครั้งนี้ ผมดีใจมาก ต้องขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ทำให้ผมทำผลงานทุกผลงานได้สำเร็จ ผมคิดว่ายิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นเท่าไร ผมต้องทำงานหนักและสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ดียิ่งขึ้น เพราะผมรู้ดีว่าคนเก่งๆ คนอื่นก็กำลังทำงานอยู่เช่นกับผม ดังนั้นโอกาสใหม่ๆ ที่เข้ามาหา ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ชิ้นงานออกมาดีที่สุด ซึ่งผมจะต้องออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งปัจจุบันจะเห็นว่างานศิลปะบนท้องถนนมันเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกที่ผมมีต่อศิลปะบนถนนตอนนี้คือ ศิลปะชนิดนี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมของโลก ในทุกๆ วันเราสามารถเห็นผลงานของเหล่ากราฟฟิตี้ และคนทำงานศิลปะได้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นในยุโรป ในเอเชีย ในสหรัฐฯ มันช่วยสร้างแรงบันดาลใจมากกว่าที่เคยมีมา สำหรับผมอุปสรรคเดียวของการสร้างงานศิลปะบนท้องถนน ก็คือความกล้า ต้องมีความกล้าที่จะออกมาสร้างสรรค์งาน พวกเขามักจะทำงานชิ้นต่อไปโดยไม่สนใจในกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่มีออกมา ซึ่งทำให้งานศิลปะของพวกเขาน่าตื่นเต้น และสำหรับตัวผมเองผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรเป็นชิ้นต่อไป แต่ผมก็มีความกล้าที่จะทำในสิ่งที่ไมเคยทำ และก็จะทำสิ่งนั้นต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งเหมือนกันเฮนเนซซี่ที่ไม่หยุดที่จะสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ Never Stop, Never Settle ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องที่ดีในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะครับ”
และนอกจากนี้ทาง “เฮนเนสซี่” ยังได้ชวนเหล่าฮิพเตอร์ตัวพ่อทั้งในวงการแฟชั่นและศิลปะชั้นนำของไทย อย่าง “จี๊ดเมืองสิริขวัญ” ครีเอทีฟ และแฟชั่นไอคอนคนดังของวงการ “พจน์ sixtysix” ช่างภาพ เซเลบริตี้ชื่อดัง ร่วมเดินทางไปสัมผัสกับอารยะธรรมที่งดงามในอีกแง่มุมของกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย อาทิ เช่นการเข้าเยี่ยมชมนมัสการพระโพธิสัตว์กวนอิม ณ วัดอาซากุสะ (Asakusa Kannon Temple) สถานที่ซึ่งถูกกล่าวขานว่าเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และความสงบสุขให้กับคนญี่ปุ่น สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่ยังคงรักษาความงดงามตามแบบฉบับวัฒนธรรมดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นไว้อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะไปชมการจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยชุด “Image-Makers” การแสดงผลงานภาพถ่าย และ งานดีไซน์ของเหล่าศิลปินจากทั่วโลก อาทิ Jean-Paul Goude, Jun Miyake, Robert Wilson, David Lynch, Noritaka Tatehana, Photographer Hal ภายใต้แนวคิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมของญี่ปุ่นและฝรั่งเศส ณ 21_21 design sight ต่อด้วยการชมหอศิลปะนานาชาติ “Design Festa Gallery” บนถนนฮาราจูกุ แกลลอรี่สุดแนวที่ถูกออกแบบมาให้มีความโดดเด่นสะดุดตาด้วยลวดลายสีสันที่สดใส ตัดกับโครงสร้างของท่อเหล็กสีดำที่วางเรียงรายต่อชั้นไล่ระดับเป็นกำแพงสูงขึ้นไปบนตัวอาคาร ดึงดูดใจให้เข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศภายในอาคารที่ถูกตกแต่งเป็นแกลลอรี่ขนาดย่อมจัดแสดงผลงานศิลปะหลากหลายแขนงจากเหล่าศิลปินทั่วโลก ซึ่งสถานที่นี้เปิดกว้างให้เป็นพื้นที่สำหรับให้ทุกคนได้นำผลงานทางด้านศิลปะของตนเอง ได้นำออกมาจัดแสดงและจัดจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาชมผลงานได้อีกด้วย
สมกับเป็นกิจกรรมการเดินทางเพื่อเปิดประสบการณ์ด้านศิลปะและวัฒนธรรม ที่จะสร้างแรงบันดาลใจด้านมุมมองในการใช้ชีวิต ศิลปะ และ วัฒนธรรม จากการเดินทางครั้งนี้กับ “เฮนเนสซี่” ได้เต็มอิ่ม และสุดประทับใจ