ด้วยความที่บ้านเรามีบริษัทประกันภัยกว่า 60 บริษัท ปัญหาที่พบส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นเรื่อย กรมธรรม์อ่านแล้วเข้าใจยาก และขั้นตอนการเคลมใช้เวลานาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็น Pain Point ที่ผู้ให้บริการต้องพัฒนา ทำให้ในยุค Thailand 4.0 ทุกอุตสาหกรรมต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ไม่เว้นแม้แต่ งานการประกัน (Insurance) หรือที่เราเรียกกันว่า InsurTech ซึ่งครอบคลุมการทำงานในหลายด้าน อาทิ การเลือกซื้อประกัน ค้นหาแพ็กเกจที่เหมาะสม การบริการ และการเคลม
ล่าสุด ซันเดย์ หนึ่งในบริษัทอินชัวร์เทครายแรกของไทย ได้ร่วมมือกับ แกร็บ ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ขับแกร็บ โดยเทคโนโลยีที่นำมาใช้จะช่วยให้พาร์ทเนอร์ (ผู้ขับ) ได้รับราคาที่เหมาะสม เลือกความคุ้มครองได้ตามงบประมาณที่กำหนดเอง และยังมีการใช้ Big Data Analytics วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเข้าลูกค้า ออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม และทำให้ประกันภัยเป็นเรื่องง่าย เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี
จุดเด่นของซันเดย์อยูที่การนำเทคโนโลยีมายกระดับการให้บริการ ซันเดย์สร้างความคุ้มครองที่เหมาะกับผู้เอาประกันมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยี Big Data Analytics และ Machine Learning ผู้ซื้อสามารถเลือกความคุ้มรองและราคาที่เหมาะกับตนเองในแบบ Real-time บนเว็บไซต์ และสามารถติดตามการเคลมผ่านแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้ตลอด 24 ชั่วโมง
คุณซินดี้ กัว ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของซันเดย์ อินส์ จำกัด เล่าว่า เราต้องการที่จะปฏิรูปการให้บริการของประกันภัย เราใช้เทคโนโลยีเข้ามามีส่วนช่วยให้เราเข้าใจลูกค้ามากขึ้น และสร้างผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าแต่ละคนในราคาที่เหมาะสม เพราะเราเชื่อว่าลูกค้าทุกคนมีความต้องการที่แตกต่างกันออกไป เราจึงร่วมมือกับแกร็บ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของพาร์ทเนอร์ผู้ขับของแกร็บ
คุณธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า เบื้องต้นรูปแบบการประกันภัยที่ทางซันเดย์ออกแบบให้แกร็บมี 3 โปรแกรมด้วยกัน ได้แก่
- Grab Motor เป็นประกันภัยที่ความคุ้มครองกับผู้ขับแกร็บ ในระหว่างรับ-ส่งผู้โดยสาร ประกันสุขภาพสำหรับพาร์ทเนอร์ผู้ขับ และประกันภัยรถยนต์ในราคาพิเศษ
- Grab Gold เป็นประกันภัยสำหรับคนขับที่เช่ารถ คุ้มครองผู้ขับในขณะรับ-ส่งผู้โดยสาร เมื่อซื้อประกันกับซันเดย์จะได้ราคาพิเศษ เพื่อลดรายจ่ายในการเช่ารถ
- Grab Health เป็นประกันสุขภาพซึ่งสามารถรับการรักษาจากโรงพยาบาลชั้นนำได้โดยไม่มีค่าบริการ หากเป็นผู้ป่วยนอก ค่ารักษาอยู่ที่ประมาณ 2,000 บาทต่อ 1 ครั้ง ซึ่งขณะนี้มีพาร์ทเนอร์ผู้ขับแกร็บตอบรับเข้าร่วมโปรแกรมแล้วกว่า 3,000 คน
ในเร็วๆ นี้ ประกันภัยดังกล่าวจะต่อยอดไปสู่ Grab Bike
