ในยุคนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักบริการส่งอาหารถึงบ้าน (Food Delivery) อย่าง Grab ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะบริการ Grab Food ก็สร้างการเติบโตจนน่าตกใจเช่นกัน โดยทาง Grab ยืนยันว่าในปี 2019 Grab Food ประเทศไทยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ด้วยความสำเร็จตั้งแต่มกราคม-ตุลาคมปี 2562 ที่มีการเรียกใช้รวมทุกบริการของ Grab กว่า 120 ล้านครั้ง (Bookings)
โดย 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยวประเทศไทย คาดหวังว่าจะมียอดการใช้งานสูงขึ้นจากกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยว ซึ่ง Grab เองมีส่วนช่วยให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในการท่องเที่ยวในประเทศไทย
ด้าน นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ชี้ว่า Grab Food ในไทยถือว่ามีการเติบโตอย่างมาก ส่วนหนึ่งมาจากการที่ Grab Food ขยายการให้บริการจาดเดิมที่ให้บริการเพียงกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ปัจจุบันได้ขยายการให้บริการไปถึง 18 จังหวัด 20 เมืองทั่วประเทศ ซึ่งได้รับการตอบรับดีเกินคาด จากที่เคยคิดว่าต้อง Educate ตลาดก่อน แต่กลายเป็นลูกค้าต่างจังหวัดมีความพร้อมในการใช้งานอย่างมาก
โดยจากการสำรวจพบว่า 54% จะเลือกใช้ Grab Food ในการสั่งอาหารมากที่สุด ไม่เพียงแต่เรื่องของการขยายตัวไปยังต่างจังหวัดเท่านั้น การมีโปรโมชั่นพิเศษก็ช่วยให้ Grab Food โตขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมามีการจัดแคมเปญ Mega Sale ส่งผลให้มียอดออเดอร์มากกว่า 5,000 รายการ โดยมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 200 ร้านค้า
ต่อยอดด้วยแคมเปญ 8.8 Mega Sale ซึ่งได้รับการตอบรับดีขึ้น โดยมียอดออเดอร์มากกว่า 8,000 รายการ โดยมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 250 ร้านค้า และในเดือนกันยายนที่ผ่านมาตอกย้ำความสำเร็จด้วยแคมเปญ Grab Food Exclusive ที่มีอาหารชุดพิเศษสำหรับแคมเปญนี้ และเช่นเคยได้รับการตอบรับอย่างดี โดยมียอดออเดอร์มากกว่า 9,000 รายการ โดยเป็นอาหารชุด Exclusive ถึง 6,000 รายการ และมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 350 ร้านค้า
ที่สำคัญการได้เป็นพันธมิตรกับเชนใหญ่อย่าง Minor Group ก็ช่วยให้ Grab Food มีความหลากหลายด้านเมนูอาหารเช่นกัน และการขยายสู่บริการ Grab Kitchen ที่ได้รับผลตอบรับดีจน Grab มีแผนเตรียมเปิดอีกสาขาในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งหมดนี้คือการดำเนินการที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นปี
ช่วง 2 เดือนท้ายปี Grab ขอเกาะกระแส 11.11 ด้วยการเปิดแถมเปญ “Grab Food 11.11” โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 ตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคมนี้ และถือเป็นแคมเปญใหญ่ที่สุดของปี โดยคาดว่าจะมียอดออเดอร์มากกว่า 10,000 รายการ และจะมีพันธมิตรเข้าร่วมกว่า 400 ร้านค้า
นอกจากนี้ทุกครั้งที่มีการใช้บริการใดๆ ของ Grab ก็ตามจะได้รับสิทธิพิเศษ เช่น ส่วนลดกับพันธมิตรอย่าง Central, KFC, Tops Market, Robinson และ Auntie Anne’s ซึ่งอยู๋ในเมืองรองหลายๆ จังหวัด
ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนของ Grab Pay Wallet ทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายในช่วงจัดแคมเปญ จะได้รับเงินคืน (Cash Back) อย่างน้อย 11 บาทต่อ Transaction สูงสุดที่ 120 บาทต่อ Transaction
สำหรับแผนในปีหน้า Grab จะยังคงให้ความสำคัญกับเรื่องของ Food เป็นหลัก โดยเตรียมตั้งเป้าขยายให้ได้ถึง 30 จังหวัด ส่วนเรื่องของ Transport หรือ Ride Hailing ต้องรอมาตรการจากทางภาครัฐที่ชัดเจน ก่อนที่จะเตรียมแผนเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับนักท่องเที่ยว
แว่วว่า…มีนาคมนี้จะเห็นความชัดเจน