แกรมมี่ปรับทิศลุยธุรกิจแมกกาซีนเต็มสูบ หลังพบตัวเลขรายได้ 9 เดือนโฆษณาลดลง เชื่อออนไลน์ช่องทางใหม่ รุกสื่อดิจิตอลแมกกาซีน ประเดิม “แมกซิม” เล่มแรก ส่วนปีหน้าเปิดครบ 3 เล่ม พร้อมลงทุนเปิดแมกกาซีนหัวใหม่อีกเล่มในรอบ 5 ปี ผงาดลงบนออนไลน์ก่อน ดีค่อยลงแผงหนังสือ คาดปีหน้ารายได้โตพรวดอีก 30 % ส่วนปีนี้หวังทรงตัวที่ 200 ล้านบาทเท่าปีก่อน
“จากสภาพเศรษฐกิจตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พบว่ายอดขายนิตยสารที่ดูแลอยู่ 3 หัว คือ แมกซิม เฮอร์เวิล์ด และมาดามฟิกกาโร เฉลี่ยยอดพิมพ์จำหน่ายยังไปได้ดีอยู่แต่ในส่วนรายได้ที่มาจากการลงโฆษณากลับมีอัตราส่วนที่ลดลง ส่งผลให้ภาพรวมรายได้อาจจะต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย ขณะที่ภาพรวมแมกกาซีน ตลาดตกลง 12%” – ลายคราม เลิศวิทยาประสิทธิ์ ผู้บริหาร GMM Time
ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องหาช่องทางใหม่เพื่อต่อยอดรายได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับผลิตนิตยสารให้ภาครัฐ และการจัดอีเว้นท์ต่างๆ รวมถึงบริหารจัดการนางแบบในสังกัด และล่าสุดได้ร่วมกับบริษัท อีกาซีน จำกัด เจ้าของเว็บไซด์ thaiegazine.com ร่วมผลิต “แมกซิม อีกาซีน”ถือเป็นนิตยสารในรูปแบบดิจิตอลออนไลน์เต็มรูปแบบ เปิดตัวอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป
โดยก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการทดลองส่งแมกซิม อีกาซีน ฉบับพิเศษขึ้นบนเว็บไซด์แล้ว 2 เล่ม ใน 3 เว็บไซด์ คือ แมกซิม, จีเมมเบอร์ และ thaiegazine ให้ผู้อ่านเข้ามาดาวน์โหลดข้อมูลไปอ่านได้ฟรี พบว่า ได้รับการตอบรับที่ดี มีจำนวนการดาวน์โหลดเล่มละ ไม่ต่ำกว่า 100,000 ครั้ง พร้อมจำนวนผู้เข้าเยี่ยมอ่านทั้งหมดกว่า 5 แสนครั้งต่อเล่มถือเป็นตัวเลขที่สามารถนำไปอ้างอิงให้กับเอเจนซี่โฆษณา เพื่อให้ลงโฆษณาบนสื่อออนไลน์ได้อีกทางหนึ่ง ถือเป็นการต่อยอดรายได้ และเป็นการขยายฐานผู้เพิ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเทคโนโลยี
อย่างไรก็ตาม รูปแบบ ดิจิตอลแมกกาซีนนี้ หลังจากนำเสนอแก่เอเจนซี่โฆษณา พบว่าให้การตอบรับสูงมาก มีตัวเลขรายได้โฆษณาเพิ่มขึ้น 10 หน้าในแมกซิม และมีจำนวนลูกค้าเพิ่มเข้ามาอีกราว 10% ส่วนหนึ่งมาจากแพกเกจการขายที่น่าสนใจ โดยราคาโฆษณาบนเว็บอยู่ที่ 8,000 บาท ต่อหน้า ซึ่งหากซื้อรวมกับแมกกาซีนปกติ จะอยู่ที่ราคา 15,000 บาทเชื่อว่าจะเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยต่อยอดรายได้ธุรกิจแมกกาซีนในปีนี้ให้สามารถทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา หรือมีรายได้ที่ 200 ล้านบาทได้ในสิ้นปี โดยตั้งเป้าว่ารายได้จากดิจิตอลแมกกาซีนจะอยู่ที่ 50% เท่าๆกันกับแมกกาซีนปกติ ในเวลาเพียง 1 ปีครึ่งเท่านั้น
การลงทุนดิจิตอลแมกกาซีน อยู่ที่ 5 ล้านบาท ถือว่าครอบคลุมแล้ว ขณะที่การลงทุนทำแมกกาซีนหัวใหม่ต้องใช้ทุนต่ำกว่า 50 ล้านบาท ดังนั้นแผนการเปิดหัวแมกกาซีนใหม่ของบริษัท หลังจากนี้จะดูความเหมาะสม และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ว่าควรจะเปิดตัวเป็นรูปเล่ม หรือ ออนไลน์ก่อนดี
ล่าสุดในปีหน้าเตรียมเปิดตัวแมกกาซีนหัวนอกอีก 1 เล่ม กลุ่มไลฟสไตล์แมกกาซีน โดยรูปแบบการเปิดตัวนี้จะเป็นดิจิตอลแมกกาซีนก่อน หากได้รับความสนใจอย่างดี ก็พร้อมที่จะปรับลงมาสู่ในรูปแบบเล่มต่อไป นอกจากนี้ ในปีหน้า บริษัทจะปรับแมกกาซีนในกลุ่มอีก 2 เล่ม คือ เฮอร์เวิล์ด และมาดามฟิกกาโร สู่รูปแบบดิจิตอลแมกกาซีนอีกส่วนหนึ่งด้วย เชื่อว่าจะส่งผลให้รายได้ในปีหน้าเติบโตได้ถึง 30% จาก 200 ล้านบาทในปีนี้
Source: ASTV ผู้จัดการออนไลน์