หลังสถานการณ์วิกฤติ COVID-19 โลกก็เกิดความเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะพฤติกรรมผู้บริโภค ส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “New Normal” ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงคือการก้าวกระโดดของเทคโนโลยี ที่ช่วยตอบโจทย์พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปจากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น เช่น เทคโนโลยีการสื่อสารยุคที่ 5 หรือ 5G
เมื่อพูดถึง 5G คงปฏิเสธไม่ได้ AIS คือผู้ให้บริการด้านการสื่อสารที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี 5G อย่างมาก ทั้งจากความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G กับสถาบันการศึกษา หรือการร่วมกับเอกชนรายใหญ่ในการสร้างระบบควบคุมระยะไกลผ่านเครือข่าย 5G อย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า AIS คือผู้ให้บริการ 5G ตัวจริงของไทย
ล่าสุด AIS ประกาศวิสัยทัศน์เครือข่าย AIS 5G – Forging Thailand’s Recovery ที่ช่วยตอบโจทย์การใช้งาน 5G ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศให้เป็น Digital Infrastructure ใหม่ของประเทศ รวมถึงสนับสนุนการขับเคลื่อนระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) พร้อมผนึกผู้นำอุตสาหกรรมทุกภาคส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS กล่าวว่า วิกฤติ COVID-19 นำมาซึ่งผลกระทบอย่างรุนแรงไปทั่วโลกและก่อให้เกิด “ชีวิตวิถีใหม่” ที่ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิมแบบทันทีทันใดในทุกระดับ โดยจะเห็นปรากฏการณ์เป็น 3 ช่วง คือ ช่วง Fall ช่วงตกต่ำจากวิกฤต ช่วง Fight ช่วงแห่งการต่อสู้เพื่อให้ก้าวผ่านวิกฤตไปให้ได้ และช่วง Future ช่วงสร้างอนาคตอย่างยั่งยืน
ซึ่งในทุกช่วงเวลาล้วนแล้วแต่ต้องมีโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเข้ามาเป็นฐานรากที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยประคับประคองและเสริมขีดความสามารถทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อย่าง AIS 5G ที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลเส้นใหม่ ที่ได้เริ่มนำมาใช้ช่วยเหลือ เพื่อหล่อเลี้ยงประเทศจากวันนี้
เป็นต้นไป
ซึ่งเป็นเพราะ AIS คือผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider ที่ถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด คือ LOW BAND (700-900 MHz) 50 MHz, MID BAND (1800-2600 MHz) 170 MHz และ HIGH BAND (26 GHz) 1200 MHz และเปิดให้บริการ AIS 5G เป็นรายแรกของประเทศตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 พร้อมขยายเครือข่ายไปครบทั้ง 77 จังหวัดเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ AIS 5G ยังมีการนำนวัฒกรรมที่ทำให้ประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกของโลกมาใช้งานจริง ไม่ว่าจะเป็น 5G Dual Mode SA/NSA ที่เรียกได้ว่าประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยี SA – Stand Alone และ NSA – None Stand Alone แบบ Dual Mode ที่สามารถผสมผสานระหว่าง เครือข่าย 5G โดยเฉพาะ และเครือข่าย 5G ที่ทำงานร่วมกับ 4G พร้อมรับอนาคตในการใช้งาน 5G ในหลากหลายประโยชน์ในรูปแบบ Massive IoT และ Mission Critical
นวัตกรรม 5G Network Slicing ครั้งแรกของเมืองไทยที่เสมือนมีหลากหลายเครือข่ายอยู่ในเครือข่ายเดียว (Multi Network In One Network) ทำให้สามารถออกแบบเครือข่ายแต่ละชั้นได้อย่างสอดคล้องและยืดหยุ่นกับลักษณะของอุตสาหกรรมแต่ละรูปแบบ แต่ละพื้นที่ ได้อย่างคล่องตัว เต็มประสิทธิภาพ ตอบโจทย์การทำธุรกิจของแต่ละองค์กรได้อย่างเต็มที่
จากขีดความสามารถของเครือข่าย AIS 5G เมื่อผสมผสานเข้ากับคุณสมบัติของ 5G คือ ความเร็ว แรง เสถียร, สนับสนุนและยกระดับการใช้งาน Multi Media Content สู่ VR หรือ AR, รองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ได้ในจำนวนมหาศาล และมีอัตราการตอบสนองที่รวดเร็วจากความหน่วงต่ำ จึงยิ่งทำให้ 5G เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการเสริมขีดความสามารถของภาคอุตสาหกรรมหลักทั้งหมด โดยเฉพาะใน 5 ด้าน
ทั้งด้านภาคสาธารณสุขที่ AIS 5G ทำงานร่วมกับ Robot และ AI เข้าไปสนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ในการ คัดกรองคนไข้ (Robot for Care), Telemedicine, AI Assisted CT SCAN และ Mobile Stroke Unit ตลอดช่วงระยะของการแพร่ระบาดรุนแรง จนถึงการผนึกกำลังกับเครือข่ายพันธมิตร (Strategic Partner) เพื่อพัฒนา Telemedicine อย่างต่อเนื่อง
ด้านภาคอุตสาหกรรมในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor – EEC) AIS 5G ในฐานะผู้วางระบบ ICT Infrastructure เพื่อเสริมขีดความสามารถในการบริหารจัดการในทุกๆ ด้านทั้งทางพื้นดิน ในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ประกอบด้วย อมตะ คอร์ปอเรชัน, สหพัฒนา อินเตอร์โฮลดิ้ง, กลุ่ม WHA ที่เริ่มทดลองสอบ 5G Smart City แล้ว
ทางอากาศ โดยได้รับความไว้ใจจาก บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น ในนาม กลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส ผู้ชนะการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G Smart Airport แล้ว และทางทะเล โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยที่เริ่มทดลองทดสอบ 5G แล้ว ในบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง
ด้านภาคการค้าปลีก AIS 5G อยู่ระหว่างการพัฒนา 5G Smart Retail ร่วมกับกลุ่มเซ็นทรัลรีเทล ในฐานะหัวหอกสำคัญของภาคอุตสาหกรรมค้าปลีก ที่ครอบคลุมตั้งแต่ ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ของการใช้ชีวิตของคน ในฐานะการกระจายรายได้ระหว่างผู้ผลิตกับผู้ซื้อ รวมถึงมีอัตราการจ้างงานถึง 2 ใน 3 ของประเทศ
ด้าน Multimedia ในการสร้าง Immersive Experience กับเทคโนโลยี AR/VR พร้อมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างประสบการณ์ใหม่ของ Unseen Thailand ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึง คอนเทนต์ด้านการศึกษา และความบันเทิง พลิกโฉมการสร้างสรรค์คอนเทนท์ของ Creator สัญชาติไทย ด้วย Next Reality Studio – AR/VR Studio แห่งแรกของเมืองไทย
และด้าน Sustainability Development เพื่อการพัฒนาสิ่งแวดล้อม การเกษตร และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน โดยผนึกพันธมิตรกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สร้าง SDG Lab ในพื้นที่ 100 ไร่ ในอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี หรือสวนป๋วย ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ต้นแบบการรณรงค์ให้คนไทยเห็นความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมที่สุดแห่งหนึ่ง รวมทั้งประกาศแพลทฟอร์มการเรียนรู้ LearnDi จาก AIS Academy for Thais ขยายการสร้างความเข้มแข็งการพัฒนาบุคลากรสู่แต่ละองค์กรทั่วประเทศ
AIS พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะนำ AIS 5G ที่ดีที่สุด เข้ามาเป็นเส้นเลือดใหญ่ดิจิทัลหลักของประเทศไทยจากวันนี้เป็นต้นไป เพราะวิกฤติ COVID-19 ที่ผ่านมาเป็นบทเรียนสำคัญว่า ท่ามกลางวิกฤติยังมีโอกาสอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ โดยประเทศไทยนั้นถือว่ามีจุดแข็งซึ่งได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วนว่า มีระบบสาธารณสุขที่เป็นเลิศ, มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงาม, เป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ และอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้นเมื่อนำดิจิทัลอย่าง 5G เข้าไปผสมผสานในกระบวนการที่เกี่ยวข้องของภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวข้างต้น ย่อมทำให้เป็นพลังช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้ก้าวผ่านวิกฤตได้อย่างดีที่สุด ดังนั้นนอกจากการปรับตัวให้พร้อมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว