First Coming ใครมาก่อนย่อมได้เปรียบ นี่คือทฤษฎีการตลาดพื้นฐานที่ชี้ให้เห็นว่า ใครเข้ามาทำตลาดก่อนย่อมได้เปรียบ แต่การเข้ามาก่อนใช่ว่าจะได้เปรียบ เพราะบางครั้งเข้ามาเร็วเกินไปก็ไม่ประสบผลสำเร็จเช่นกัน ดังนั้นการเข้ามาก่อนจะต้องตามมาด้วยผลสำเร็จ ถึงจะเรียกได้ว่าได้เปรียบทางการตลาด อย่างที่ Marvel และ DC พยายามที่จะเป็นผู้นำภาพยนตร์ Superhero
หลายคนเริ่มมีโอกาสเข้าไปชมภาพยนตร์ Superhero เรื่องลาสุดจากค่าย Marvel กันไปแล้วอย่าง Captain Marvel เรื่องราวของยอดมนุษย์ฝ่ายหญิงที่ต่อไปจะมีบทบาทโดดเด่นที่สุดในภาพยนตร์ Superhero ของค่าย Marvel ก่อนจะส่งผ่านไปยังาภาพยนตร์ต่อเนื่องในซีรี่ย์ The Avengers ที่หลายคนรอคอยกันมาถึง 1 ปีเต็ม ซึ่งว่ากันว่า Captain Marvel คือจุดพลิกเกมของภาพยนตร์ชุดนี้
นั่นไม่ใช่สาระสำคัญที่จะมาชวนวิเคราะห์กันในคราวนี้ หากเมื่อเราลองถอยออกจากโลกภาพยนตร์มาสู่โลกความเป็นจริง จะเห็นว่าค่ายแหล่งรวมของเหล่า Superhero มีกระจัดกระจายทั่งในซีกโลกฝั่งตะวันตกที่มีสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลาง และในซีกโลกฝั่งตะวันออกที่มีญี่ปุ่นเป็นศูนย์กลาง แต่ถ้าจะให้นึกถึงค่าย Superhero ที่มีผู้คนติดตามจากทั่วทุกสารทิศคงต้องยกให้ 2 ค่ายนี้ทั้ง Marvel และ DC Comics
คนที่เกิดก่อนย่อมเป็นที่รู้จัก
ในมุมการตลาด “First Coming” เป็นสิ่งสำคัญ นั่นหมายถึงใครที่ทำเป็นเจ้าแรกมักจะติดตราตรึงใอยู่ในความคิดของตลาดก่อน ที่สำคัญคนที่มาก่อนก็จะถูกนับเป็นมาตรฐาน แต่การจะอยู่ในตำแหน่งนั้นได้การ “มาก่อน” จะต้องมากับ “ความสำเร็จ” เพราะหากมาก่อน แต่ตลาดรับไม่ได้หรือไม่เข้าใจในสิ่งนั้น การมาก่อนก็อาจจะเป็นการหายนะก่อนก็เป็นไปได้ เหมือนที่เราเคยเห็นหลาย Case Study กันมาแล้ว
ในโลกของ Superhero ต้องยอมรับว่าค่าย DC Comics ถือเป็นรายแรกๆ ที่สามารถสร้างเหล่า Superhero ให้กลายเป็นที่รู้จักในรูปของหนังสือการ์ตูน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Superhero ที่เรียกได้ว่าเป็น Superhero ที่ดังที่สุด ดังตลาดกาลและเป็นมาตรฐานความสามารถเหนือมนุษย์ของ Superhero ในยุคต่อๆ มา อย่าง “Superman” ความดังของ Superman ถึงขนาดมีการสร้างภาพยนตร์ขึ้นในปี 1978 ที่นำแสดงโดยคริสโตเฟอร์ รีฟ แต่ใน 1987 ภาพยนตร์เรื่อง Superman ก็ต้องยุติลงไป เนื่องจากมาจากรายได้ที่ไม่เป็นไปตามเป้า
ฉีกตลาด สร้างจุดยืนที่ชัดเจน
ด้วยความโด่งดังของค่าย DC Comics ที่มีหัวหน้าทีมอย่าง Superman, Batman, Wander Woman, Flashman เป็นต้น ส่งผลให้ DC Comics กลายเป็นผู้นำตลาดหนังสือการ์ตูน Superhero ทั่วโลก ขณะที่ค่าย Marvel ก็มี Superhero ที่มีชื่อเสียงอย่าง Spider-Man, Hulk, X-Men เป็นต้น ซึ่งกลยุทธ์สำหรับผู้ตามที่ต้องการขึ้นสู่ผู้นำตลาดคือการสร้างความแตกต่าง
นั่นจึงทำให้ Marvel ต้องรวมทีม Superhero นั่นจึงเป็นที่มาของ “The Avenger” ทว่าค่ายใหญ่อย่าง DC Comics ก็มีการรวมทีม Superhero ก่อนหน้าถึง 3 ปีในนามกลุ่ม “Justice League” ค่าย Marvel จึงดิ้นหนีอีกครั้งกับการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวละครของ Marvel ผ่านภาพยนตร์ แต่เนื่องจาก Marvel ไม่มีทุนขนาดนั้น การนำเสนอตัวละครต่างๆ ให้กับค่ายภาพยนตร์ที่สนใจไปทำจึงเป็นทางออกที่ดี ภายใต้ข้อตกลงที่ทำร่วมกัน
คนที่สร้างก่อนย่อมเป็นที่รู้จัก
เมื่อ Marvel มีเงินทุนระดับหนึ่ง จึงมีแนวความคิดในการสร้างภาพยนตร์ด้วยตัวเองและหวยไปออกที่ “โทนี่ สตาร์ก” ผู้เป็นเจ้าของชุดเกราะเหล็กสีแดงทอง แน่นอนว่าหนัง Superhero มีความเสี่ยงสูง เพราะก่อนหน้านี้ภาพยนตร์ Superman Return ที่กลับมาสู่โลกภาพยนตร์ในปี 2006 ก็เจ๊งไม่เป็นท่า ในปี 2008 Iron Man จึงเป็นทั้งความหวังและความเสี่ยงไปในตัวสำหรับค่าย Marvel
ทว่าผลตอบรับกลับออกมาดีเกินคาด สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกมากกว่า 580 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตอกย้ำความสำเร็จของค่าย Marvel อีกครั้งในปี 2010 กับ Iron Man 2 ที่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลกมากกว่า 620 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามมาด้วยตัวละครสุดเด๋ออย่าง Thor เทพเจ้าสายฟ้าในปี 2011 ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไปกว่า 440 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นั่นคือการปูทางไปสู่การสร้างภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์อย่าง The Avenger ภายใต้การดูแลของ “Walt Disney” ขณะที่ทาง DC เองเมื่อเห็นตลาดตอบรับภาพยนตร์ Superhero จึงเริ่มทำการปัดฝุ่น Superman อีกครั้งภายใต้ชื่อเรื่อง Man of Steel ก่อนจะรวมทีม Justice League ใน Batman v Superman: Dawn of Justice แต่การที่ Marvel หันมาทำภาพยนตร์ Superhero จนเป็นที่ยอมรับผู้บริโภค ทำให้ Marvel สร้างมาตรฐานภาพยนตร์ Superhero ขึ้นมา
ศึก Superhero DC v Marvel
จากนี้ต่อไปเราจะได้เห็นการประชันพลังกันของ Superhero ทั้ง 2 ค่าย ซึ่งสุดท้ายมันไม่ใช่การแข่งขันระหว่าง DC กับ Marvel หากแต่เป็นการแข่งขันระหว่าง The Avenger กับ Justice League ที่สำคัญจะไม่ได้แข่งเฉพาะแค่ในจอภาพยนยตร์เท่านั้น เพราะอย่าลืมว่า Marvel อยู่ใต้ร่มธงของ Walt Disney ที่กำลังจะมีการเปิดตัวบริการ Online Streaming อย่าง Disney+
แน่นอนว่าเหล่า Superhero จะไม่ได้อยู่เฉพาะแค่ในโรงภาพยนตร์ หากแต่พร้อมจะไปตั้งฐานบัญชาการ Avenger ถึงที่บ้านทุกหลัง ขณะที่ DC เองยังไม่มีแพลตฟอร์มที่จะเข้าไประดับนั้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีทาง ถ้าหาก…เน้นย้ำว่าถ้าหาก DC เกิดไปจับมือกับ Netflix แล้วป้อนคอนเท้นต์ Superhero ให้ไปตั้งกลุ่ม Justice League พิทักษ์ภัยในแต่ละบ้าน
ซึ่งนั่นก็อยู่ที่ว่า…ใครที่จะได้เป็น
First Coming…