ผลพวงจากสถานการณ์โรคระบาดยังคงสืบเนื่องยาวนาน อันเป็นผลมาจากการที่ยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรคดังกล่าว ส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และหนึ่งในนั้นคือ “ธุรกิจสวนสนุก” ที่นอกจากจะสร้างความสนุกสนานจากเครื่องเล่นนานาชนิดแล้ว ยังมีบรรยากาศที่ชวนให้พักผ่อน รวมไปถึงการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากโลกภาพยนตร์และการ์ตูน
แต่ดูเหมือน Walt Disney ในฐานะเจ้าของสวนสนุกระดับโลกอย่าง Disneyland กำลังเผชิญปัญหาวิกฤติต้นทุนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะสวนสนุกยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทุกเดือน ขณะที่ยังคงมีคำสั่งปิดสวนสนุกเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยเฉพาะในพื้นที่แคลิฟอร์เนีย ส่งผลให้ Disney จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์เพื่อลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานกว่า 28,000 คนในกลุ่มพนักงานที่ Disney เรียกว่า “Cast Members” โดยมีการเตรียมแผนชดเชยในการปลดพนักงานครั้งนี้
สำหรับรายได้จากสวนสนุกคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้ทั้งหมดที่ Disney ได้รับหรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 69,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์โรคระบาด Disney สูญเสียรายได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์ อันเป็นผลมาจากคำสั่งปิดให้บริการสวนสนุก โรงแรมและการเดินเรือ รวมถึงในส่วนของภาพยนตร์ โดยในไตรมาสสามมีรายงานผลขาดทุนมากถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่สวนสนุกในฟลอริดา, ปารีส, เซี่ยงไฮ้, ญี่ปุ่นและฮ่องกง ยังคงสามารถเปิดให้บริการได้