ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่กำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อกลยุทธ์ของดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น สก็อตวิสกี้ อย่าง จอห์นนี วอล์กเกอร์, ว้อดก้า เรื่อยไปจนถึง สเมอร์นอฟ โดยล่าสุด ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ได้ออกมาเปิดเผยถึงเทรนด์การดื่มของผู้บริโภคในยุคนี้ที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์ไตล์และการทดลองอะไรใหม่ๆ รวมไปถึง Cocktail Culture ที่กำลังมา พร้อมทั้งเปิดกลยุทธ์ที่จะทำตลาดในปี 2023 นี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ
เทรนด์ใหม่ในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
รัชนาทร เลาหพันธุ์ (นก) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงเทรนด์ผู้บริโภคในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปัจจุบันโดยเฉพาะหลังวิกฤตโควิด-19 ว่าเปลี่ยนแปลงไปในหลายแง่มุมและมีสิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจน 3 เรื่อง ซึ่งเทรนด์เหล่านี้ค่อยๆเกิดขึ้นก่อนเกิดการแพร่ระบาดก่อนที่วิกฤตโควิดจะเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น
เทรนด์แรกที่เกิดขึ้นแล้วในช่วงหลังก็คือ Health Conscious – ผู้บริโภคหันมาใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น ทำให้เครื่องดื่มที่เน้นสุขภาพอย่างน้ำตาลน้อย แคลลอรี่น้อย แอลกอฮอล์ต่ำหรือแอลกอฮอล์ 0% เริ่มครองส่วนแบ่งตลาดได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีเทรนด์เรื่องของ Drink at Home – พฤติกรรมการดื่มจากเดิมที่สังสรรค์ที่ร้าน ผับบาร์ หรือรวมกลุ่มกันเริ่มเปลี่ยนแปลงไปเป็นการดื่มที่บ้านมากขึ้นรวมไปถึงเทรนด์ Experiment ที่เดิมผู้บริโภคจะเลือกดื่มแบรนด์ที่ชอบไม่กี่แบรนด์ แต่ปัจจุบันผู้บริโภคชอบที่จะทดลองอะไรใหม่ๆมากขึ้น ลองสินค้าใน catagoires ใหม่ๆกับส่วนผสมใหม่ๆ สร้างประสบการณ์ใหม่ๆให้กับตัวเอง
Cocktail Culture กำลังมา
คุณรัชนาทร เล่าต่อว่า อีกเทรนด์ที่กำลังมาก็คือ Cocktail Culture กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น จากเดิมร้านคอกเทลบาร์จะมีให้เห็นไม่มากนัก แต่ปัจจุบันกลับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆเริ่มมี บาร์เทนเดอร์ Mixologist ที่พัฒนาตัวเองทัดเทียมนานาชาติได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักดื่มก็ดื่มแบบละเมียดมากขึ้น เทรนด์เหล่านี้ไม่ได้อยู่แต่ที่ บาร์คอกเทล เท่านั้นแต่ยังไปเกิดขึ้นในร้านอาหารด้วยสิ่งนี้กลายเป็น lifestyle ที่มีบทบาทในโอกาสต่างๆมากขึ้น
คุณรัชนาทร ระบุด้วยว่าทาง ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ เองก็มีกิจกรรมที่สอดรับกับเทรนด์นี้อยู่ด้วยนั่นก็คือการแข่งขันบาร์เทนเดอร์ระบับโลกที่เรียกว่า World Class ที่เป็นการแข่งขันของบาร์เทนเดอร์ระดับโลกเริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ 12 ปีที่แล้วโดยในครั้งนั้นมีคนเข้าร่วมแข่งขันแค่ 40 คนเท่านั้นแต่ในปัจจุบันมีคนเข้าร่วมแข่งขัน World Class มากถึง 236 คนเมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ นั่นแสดงให้เห็นว่า Cocktail Culture นั้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้านค็อกเทลบาร์ในไทยเองได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับต้นๆของโลก ขณะที่อาชีพบาร์เทนเดอร์ก็ได้รับการยอมรับและเข้าไปเป็นหนึ่งในอาชีพในฝันของคนรุ่นใหม่ด้วย
ลุยตลาด Premiumization
จุดแข็งอย่างหนึ่งของ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ก็คือการมีสินค้าใน Port ที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มตั้งแต่เครื่องดื่มพร้อมดื่มในระดับราคาราว 30 บาท ไล่ไปจนถึงสินค้าที่ราคาต่อขวดสูงถึงหลักแสนบาท ในขณะที่สินค้าหลักที่โดดเด่นก็คือสก็อตวิสกี้ “จอห์นนี่ วอล์กเกอร์” ที่เพิ่งมีนวัตกรรมใหม่อย่าง “จอห์นนี่ วอล์คเกอร์ แบล็คเลเบล เชอร์รี่ เอดิชั่น” นอกจากนี้ยังมี “จอห์นนี่ วอล์คเกอร์ บลอนด์”, “กัปตันมอร์แกน” รัมอันดับหนึ่งของโลก เรื่อยไปจนถึง “สเมอร์นอฟ บิงซู” ที่เพิ่งวงตลาด
อย่างไรก็ตามคุณรัชนาทร เปิดเผยว่าจากเทรนด์การดื่มของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์มากขึ้นมีความละเมียดละไมมากขึ้น ดิอาจิโอฯ จึงเน้นกลยุทธ์ไปที่การ premiumization ที่สอดคล้องกับแนวคิด Drink Better ที่ดิอาจิโอฯ พยายามผลักดัน โดยเน้นไปที่สินค้าในพอร์ตที่มีราคาระดับบนมากขึ้น รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ที่บาร์เทนเดอร์หรือ Mixologist สามารถนำไปทำเครื่องดื่มต่อได้ เช่น บลูเลเบล ที่เดิมอาจจะถูกมองว่าเข้าถึงยากหรือซื้อเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษเท่านั้น แต่เวลานี้ก็สามารถเข้าถึงได้ผ่านเมนูค็อกเทลที่นำมามิกซ์ให้เข้าถึงง่ายขึ้น
Society 2030 spirit of progress
คุณรัชนาทร เปิดเผยด้วยว่าดิอาจิโอฯ ยังคงมีนโยบายเพื่อสังคมภายใต้กลยุทธ์ Society 2030 spirit of progress ด้านความยั่งยืนตามคอนเซปต์ Step Out of The Box นอกจากเรื่องสิ่งแวดล้อมอย่างแนวคิด “ไร้กล่อง“ ที่จากนี้จะขายสินค้าในช่องทางต่างๆแบบไร้กล่องเพื่อลดขยะแล้ว อีกเรื่องที่ให้ความสำคัญก็คือเรื่อง ความหลากหลาย Inclusion ทุกแง่มุมไม่ใช่แค่เรื่องเพศ ไม่ว่าจะเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่มีสัญชาติหรือเชื้อชาติที่หลากหลาย ขณะที่พนักงานก็มีสัดส่วนผู้หญิงและผู้ชายแบบครึ่งต่อครึ่ง หรือในมุมผู้บริหาร ดิอาจิโอ มีสัดส่วนผู้บริหารผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายอีกด้วย
รณรงค์ดื่มอย่างรับผิดชอบ
นอกจากนี้ดิอาจิโอฯ ยังเน้นไปที่แคมเปญเพื่อสังคมอย่างเรื่องของ Drink Responsibly ในฐานะธุรกิจแอลกอฮอล์ที่มีบทบาทในสังคมลดปัญหาจากการดื่มแบบไม่รับผิดชอบ เกินปริมาณที่เหมาะสม สิ่งนี้คือเน้น โดยเฉพาะในไทยที่มีกฎหมายที่รัดกุม แคมเปญต่างๆ เช่น drink iq ผลกระทบจากการดื่ม หรือ wrong side of the road การดื่มไม่ขับ เอาเรื่องราวของคนที่ได้รับผลกระทบจากการเมาแล้วขับ มาสร้าง Awareness ให้ผู้บริโภค ร่วมกับภาครัฐ ภาคเอกชน และเพื่อนในอุตสาหกรรมเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมีนโยบายยกระดับบาร์เทนเดอร์ ให้ตระหนักรู้และรับผิดชอบกับลูกค้า สามารถประเมินลูกค้าได้ หยุดเสิร์ฟเมื่อเมาเกินไปและสามารถดูแลลูกค้าได้อย่างถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับเอกชน และสถาบันต่างๆ โดยดิอาจิโอ มี Diagio Bar Academy ที่จัดเทรนนิ่งปีละ 5-6,000 คน ในอุตสาหกรรมโรงแรม ร้านอาหาร สร้างความรู้การบริหารบาร์แบบครบวงจรรวมถึงให้ข้อมู๋ลและเทรนด์ใหม่ๆของตลาดอย่างต่อเนื่อง
ตั้งเป้าเติบโต 2 หลัก
คุณรัชนาทร เปิดเผยว่าตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทยส่วนแบ่งตลาดใหญ่จะไปอยู่ที่ เบียร์และเหล้า โดยเฉพาะแบรนด์ท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ขณะที่แบรนด์ import premium มีสัดส่วนอยู่ที่ 7-8% เท่านั้น อย่างไรก็ตามในปีนี้ดิอาจิโอฯ ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ตัวเลข 2 หลักซึ่งในเวลานี้หลังจากผ่านมาครึ่งปีงบประมาณที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายนสามารถสร้างการเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยสัดส่วนสินค้าที่เติบโตมากที่สุดในก็คือกลุ่ม Premuim Delux และ Super Delux ที่ทำรายได้ในสัดส่วน 5-6% เติบโตมากถึง 40% เลยทีเดียว
นั่นก็คือกลยุทธ์ของ ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ ผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับโลก ที่เปิดเผยถึงเทรนด์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาลโดยคาดกันว่าจะมีมูลค่าเกิน 300,000 ล้านบาทในปีนี้ซึ่งเทรนด์เหล่านี้แบรนด์และผู้ประกอบการก็สามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ขณะที่การเติบโตที่เกิดขึ้นก็แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังคึกคักและมีช่องทางให้ทำตลาดอีกมากเช่นเดียวกับที่ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่กำลังทำนั่นเอง