CSR ส่งเสริมคนทำความดี : SET มอบรางวัล “โค้ชแม” โค้ชสร้างคน ดึงเยาวชนพ้นยาเสพติด

  •  
  •  
  •  
  •  
  •  

ในการประกอบกิจการขององค์กรไม่ว่าจะภาครัฐหรือเอกชน หนึ่งในกิจกรรมที่สำคัญคือการทำงานเพื่อตอบแทนสังคม หรือที่เรารู้จักกันดีว่าคือการทำ CSR (Corporate Social Responsibility)  นอกเหนือจากการจัดอีเว้นท์หรือบริจาคเงินเพื่อการกุศล มีอีกสิ่งหนึ่งที่หลายองค์กรเห็นความสำคัญนั่นคือ ‘การเชิดชูคนทำความดี’ ให้คนทำความดีมีกำลังใจจากการทำงานรับใช้สังคม พร้อมๆ กับให้คนในสังคมได้รับรู้ถึงคุณงามความดีของเขา และเป็นต้นแบบอย่างที่ดีให้หันมาเอาเยี่ยงอย่าง ซึ่งอาจจะเข้าข่ายกับทฤษฎีของ ศ.ฟิลิป คอตเลอร์ แห่งมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ที่ระบุว่าเป็น CSR แบบประเภท Corporate Philanthropy

จากกรณีดังกล่าวเราจะเห็นหลายหน่วยงานเริ่มให้ความสนใจกับการให้กำลังใจคนที่ทำความดีในสังคม ในรูปแบบการมอบรางวัลเพื่อเป็นเกียรติประวัติและส่งเสริมคุณธรรม เช่นเดียวกับที่  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย” (ตลท.) ซึ่งแม้ว่าจะเป็นหน่วยงานที่ดำเนินการเกี่ยวกับด้านธุรกิจเศรษฐกิจก็ตามที แต่ก็มิได้ละเลยปัญหาสังคมหรือคุณภาพชีวิตของคนในประเทศ  ยังให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งเเวดล้อม  เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเติบโตเคียงคู่กันไปในอนาคต

ดังนั้น เพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนทำความดีและเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ตลท.จึงได้ดำเนินโครงการ “SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม” โดยปีนี้จัดเป็นปีที่ 8 แล้ว

ทั้งนี้ สมาคมประวัติศาสตร์ฟุตบอลแห่งประเทศไทย หนึ่งในองค์กรที่ ตลท.ได้มอบทุนให้เพื่อสนับสนุนการทำงานเพื่อส่งเสริมกีฬาฟุตบอล ซึ่งเป็นกีฬาที่สร้างความสามัคคีและสร้างอนาคตให้เยาวชนให้มีสุขภาพกายที่แข็งแรง ห่างไกลยาเสพติด เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพของสังคมไทย   ได้คัดเลือกผู้รับ รางวัลพลตรีสำเริง ไชยยงค์” 2 ท่านด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ นายนิแม นิเดร์ฮะโค้ชทีมปัตตานี โค้ชที่ใช้กีฬาฟุตบอลช่วยดึงเยาวชนให้ห่างไกลยาเสพติด

ทั้งนี้ ทีมงาน Marketing Oops ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “โค้ชแม” ถึงแรงบันดาลใจที่สำคัญ ว่าอะไรทำให้โค้ชทุ่มเททำงานเพื่อเด็กและเยาวชนอย่างไม่ย่อท้อ

coach5
โค้ชแม  และนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ร่วมรับรางวัล พลตรี สำเริง ไชยยงค์  รางวัลผู้ทำความดีเพื่อสังคมสาขาการส่งเสริมกีฬา

“โค้ชแม” หรือ นิแม นิเดร์ฮะอดีตนักกีฬาฟุตบอลตัวแทน จ.ปัตตานี ในวัย 57 ปี เล่นกีฬาฟุตบอลมาตั้งแต่อายุ 30 กว่าๆ รักในฟุตบอลเพราะทั้งสนุกและยังได้เพื่อน โดยตำแหน่งแรกที่มารับงานก็เป็นผู้ช่วยโค้ชให้ทีมเยาวชน จ.ปัตตานี เมื่อปี 2542 กระทั่งปี 2543 ก็มาเป็นโค้ชเต็มตัวให้ทีมจังหวัดปัตตานี

ส่วนที่ได้มาช่วยเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นนั้น “โค้ชแม” เล่าว่า แรกๆ ไม่ได้ตั้งใจจริงจัง ใครขอให้ช่วยก็ไป แต่พอเห็นปัญหาว่าเด็กติดยาเสพติดกันมากเหลือเกินแทบจะทุกคนในหมู่บ้าน ทำให้รู้สึกว่าเราต้องช่วยเด็ก ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว

“จากตอนแรกที่พรรคพวกชวนๆ กันมาช่วยสอนเด็กเล่นฟุตบอล จนเราเริ่มสนิทคุ้นเคยกับเด็กๆ พวกนี้ เราก็ไม่อยากให้เด็กไปติดยาเสพติด หลายคนก็เป็นเด็กในหมู่บ้าน หลายคนก็เป็นลูกของเพื่อนฝูง ส่วนใหญ่จะติด 4×100 เป็นกันแทบจะทุกหมู่บ้าน เราก็อยากไปช่วยเพราะสงสารเด็ก กับปัญหาเรื่องสถานการณ์ไฟใต้ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาที่หนักสุดแก้ไม่ได้เสียทีก็คือยาเสพติดและการพนันที่ทำให้เยาวชนแย่”

จากการคลุกคลีกับเด็กและเยาวชน ทำให้รู้นิสัยใจคอว่าเป็นอย่างไร และจะทำอย่างไรให้เด็กหันมาสนใจกีฬา “โค้ชแม” เผยว่า วัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยฟังพ่อแม่ ถ้าเป็นเด็ก 15-16 ปี จะชอบทำตามผู้นำกลุ่ม ถ้าเราไปชักชวนผู้นำกลุ่มให้มาเล่นกีฬาได้ เราก็จะได้คนอื่นๆ ตามมา ส่วนวัยรุ่นอายุ 17-18 ปี เริ่มจะมีความคิดเป็นของตัวเอง จะไม่ฟังใคร อันนี้ก็ชวนมาเล่นยาก แต่พอสักอายุ 20 ปี ก็จะเริ่มมีความคิดแล้ว พอบอกเหตุผลอะไรไปก็รับฟังอยู่บ้าง

“โค้ชแม” บอกว่า ในการเกลี้ยกล่อมเยาวชนพวกนี้ให้หันมาเล่นกีฬาแทนการติดยาเสพติดและการพนัน ต้องใช้ทั้งหลักจิตวิทยาและใช้หลักศาสนาอิสลามไปพร้อมๆ กัน

coach2

“ผมก็เริ่มจากไปชักชวนผู้นำความคิด เด็กคนไหนเป็นหัวโจกก็ไปชวนก่อน ค่อยๆ กล่อม ค่อยๆ ประสาน ดึงเอามาเล่นให้ได้ ตอนแรกเค้าอาจจะไม่เลิกเสพ อาจจะยังไปๆ มาๆ แต่เราก็ใช้เวลากับเขา พูดคุยกับเขาบ่อยๆ เปิดใจและให้ความจริงใจเด็กก็จะเข้าใจเอง เห็นโทษของยาเสพติดว่ามันไม่ดี นอกจากนี้ ก็ใช้หลักศาสนาอิสลามคือ ‘การละมาด’ เพราะการละมาดคือเสาหลักของศาสนาอิสลาม คล้ายกับการทำสมาธิ ทำจิตใจให้เข้มแข็ง คือเราจะไปหักด้ามพร้าทีเดียวเลยคงไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

หลักคิดอีกอย่างที่ “โค้ชแม” จะสอนเด็กๆ ในทีมก็คือการช่วยเหลือตัวเองและรักสามัคคี “มาอยู่กับผมต้องทำกับข้าวกันเอง หุงหากันเอง คือผมก็ทำให้ได้แหละไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้ทำเอง พวกเขาก็จะได้เรียนรู้การช่วยเหลือตนเอง ช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งหน้าที่กันทำงาน นอกจากจะทำให้กับทีมแล้วกลับบ้านก็ยังไปช่วยพ่อแม่ทำงานบ้านได้ด้วย สิ่งเหล่านี้จะติดตัวเด็กๆ ไป ฝึกให้เป็นคนมีน้ำใจกับผู้อื่น มีจิตใจที่อ่อนโยน”

หนึ่งในนักกีฬาคนหนึ่งที่ “โค้ชแม” บอกว่าภูมิใจมาก เพราะสามารถดึงเขาจากการติด ‘ผงขาว’ได้สำเร็จ “มีเด็กอยู่คนนึงผมดึงมาเล่นฟุตบอลในทีม เพราะเห็นว่าเป็นเด็กมีแววมาก แต่กลับเป็นเด็กที่เกเรที่สุด แล้วก็ติดยาหนักถึงขั้นติดผงขาว ผมก็ไปชวนมาเล่น จนมารู้ว่าบ้านเค้ากดดันมาก โดนพ่อแม่ด่าทุกวัน ทำให้ไม่อยากกลับบ้าน คบเพื่อนไม่ดี เราก็พยายามพูดปลอบใจเขาบอกว่าพ่อแม่ยังไงก็รักเรา ให้เขาปล่อยวาง ใครจะว่าใครจะพูดก็ให้ปลง ซึ่งเป็นไปตามหลักศาสนาอิสลาม และบอกเขาว่าพระเจ้ามีจริง ให้หักห้ามใจเลิกยุ่งกับยาเสพติด ในที่สุดเด็กคนนี้ก็ทำสำเร็จ นอกจากจะติดทีมประจำจังหวัดแล้ว ยังเรียนจนจบปริญญาตรีอีกด้วย ตอนนี้กลายเป็นกำลังหลักของครอบครัว พ่อแม่ก็ภาคภูมิใจ เขาก็เป็นอีกหนึ่งในหลายๆ คนที่ผมภูมิใจมาก”

coach1

ถามถึงการทำทีม เคยได้รับผลงานอะไรมาบ้าง “โค้ชแม” บอกอย่างอารมณ์ดีว่า ก็เคยได้แชมป์ฟุตบอลประเทศไทยมา แล้วก็อีกหลายถ้วยรางวัล แต่เรียนตรงๆ ว่าผมก็จำไม่ค่อยได้เหมือนกัน มันเยอะไปหมด บางทีก็ต้องค้นๆ เอาเหมือนกัน แต่รางวัลพวกนี้มันไม่ได้สิ่งสำคัญอะไรเลย ตนไม่ได้สนใจมันมากนัก

เห็นว่ามีทีมสโมสรใหญ่เคยชวนโค้ชไปร่วมงานด้วย ให้ค่าจ้างเยอะทีเดียว แต่ “โค้ชแม” ปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอนี้ โดยบอกกับเราอย่างหนักแน่นว่า “ผมห่วงเด็กๆ ที่นี่ ไปแล้วใครจะคอยดูแล ถึงแม้ผมจะไม่ได้ร่ำรวยมีเงินทองมหาศาล แต่อยู่ที่นี่ช่วยให้เด็กได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง มันเป็นความสุขทางใจ แค่เด็กไม่ไปติดยาเสพติดก็พอแล้ว”

ทำงานเพื่อสังคมหนักขนาดนี้ มีท้อบ้างไหม “โค้ชแม” บอกว่า ท้อน่ะมีบ้าง แต่พอมาคิดว่าท้อไปก็ไม่ได้ทำให้ปัญหามันแก้ได้ จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็ทำไป ตามหลักศาสนาอิสลามบอกว่าเราไม่รู้หรอกว่าวันนี้พรุ่งนี้วันไหนจะเป็นวันตายของเรา ปลงแล้ว ทำได้เท่าที่ทำได้

“ทุกวินาทีคือความตายของชีวิต ไม่ต้องรอวันพรุ่งนี้หรอก ที่ทำไปก็ไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียเงินทองอะไร ก็ทำเพื่อชุมชนให้มันดีขึ้น ไม่อยากรวย ไม่อยากได้ชื่อเสียง ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้

coach3

กับรางวัล “พลตรีสำเริง ไชยยงค์” ผู้ทำความดีเพื่อสังคม ด้านการส่งเสริมกีฬา ได้รับจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  รู้สึกอย่างไรบ้างที่มีคนเห็นสิ่งที่เราทำในวันนี้ “โค้ชแม” บอกว่า ก็ดีใจมากที่มีคนเห็นค่าของเรา ภูมิใจกับรางวัลนี้ แต่ที่ทำก็ไม่ได้หวังรางวัลอะไร เพราะเราไมได้ไปโฆษณาที่ไหน ไม่ได้คาดหวังว่าใครจะมารับรู้สิ่งที่เราทำ แต่เมื่อมีคนเห็นคุณค่าในตัวเราก็ดีใจมาก ได้เป็นคนต้นแบบของคนอื่นๆ รู้สึกภูมิใจจริงๆ

“กับรางวัลที่ผมได้รับก็ทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมากในการทำความดี ทำให้เกิดความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนี้ต่อไป และผมจะนำสิ่งนี้ไปไว้สอนเด็กๆ ด้วยว่า ให้มุ่งมั่นทำความดีแม้วันนี้จะไม่มีใครเห็น แต่สักวันหนึ่งพระเจ้าจะเห็น สังคมก็จะเห็นเองในไม่ช้า ขอให้เราคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเราแล้วสังคมเราก็จะน่าอยู่ เช่นเดียวกับที่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นในความดีของผม ซึ่งก็หวังว่าจะต่อยอดการทำความดีให้กับเยาวชนและคนอื่นๆ ต่อไป”

การส่งเสริมให้คนดีได้เกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่เขาทำ และไม่ย่อท้อต่อการทำความดี ก็ถือว่าเป็นอีกแรงสำคัญหนึ่งที่จะทำให้ คนดีมีมากขึ้นในสังคมไทย.

ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก www.set.or.th/th/news/csr/csr_p1.html

 


  •  
  •  
  •  
  •  
  •