กระแสข่าวในช่วงนี้คงต้องยกให้กับ ‘collaboration และการเข้าซื้อกิจการ’ เรียกว่ามาแรงจริงๆ เพราะกระแสไม่แผ่วเลย อย่างดีลล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ จากบริษัทเซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ที่ประกาศปิดดีลใหญ่ แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า โดยได้เข้าซื้อหุ้น Grab ประเทศไทยด้วยเงินลงทุน 4,500 ล้านบาท
โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้น Porto Worldwide Limited (“Porto WW”) ในสัดส่วน 67% ซึ่งเป็นผู้ลงทุนในแกร็บแท็กซี่ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ ข้อตกลงเป็นไปตามสัญญาซื้อขายหุ้นที่เคยคุยกันไว้เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 62 (ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้น) ให้กับ Hillborough Group ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ เซ็นทรัล รีเทลฯ และคาดว่ารายละเอียดต่างๆ ของดีลนี้จะเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือน ธ.ค.ปีนี้
ความน่าสนใจอยู่ที่ มูฟเมนต์ใหม่ของ CRC ต่อจากนี้ โดยเฉพาะการสร้างปัจจัยใหม่ๆ ให้กับตลาดรีเทลในไทย เพราะการลงทุนในครั้งนี้ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อพัฒนา ecosystem ให้กับบริษัท และสร้างความแข็งแรงให้กับแพลตฟอร์ม Omni-channel ซึ่งเป็น core สำคัญของเซ็นทรัล รีเทลฯ
โดยการซื้อหุ้น “Porto WW” ก็จะเท่ากับว่า CRC สามารถแชร์ know-how เทคโนโลยีการเป็น Super App อันดับหนึ่งในอาเซียนของ Grab ไปโดยปริยาย ในฐานะที Grab เป็นผู้นำด้านแพลตฟอร์มบริการออนไลน์สู่ออฟไลน์ที่มีการเติบโต และมีการขยายการให้บริการอย่างรวดเร็วไปทั้งภูมิภาค
ขณะที่ Grab เองก็มีการวาง ecosystem ในการให้บริการได้ครบจงวร ตั้งแต่บริการส่งอาหาร, การเดินทาง, ระบบโลจิสติกส์, บริการจองโรงแรมและที่พัก และบริการทางการเงิน ดังนั้น เทคโนโลยีเหล่านี้เชื่อว่าจะเข้าไปส่งเสริมให้ เซ็นทรัล รีเทลฯ สามารถพัฒนา Digital Retail ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น
ดีลหยุดโลกจะให้ประโยชน์ CRC อย่างไร
บริษัทเซ็นทรัล รีเทลฯ ดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี และให้ความสำคัญเกี่ยวกับรูปแบบและช่องทางการให้บริการที่หลากหลายแก่ลูกค้า โดยเฉพาะแพลตฟอร์ม Omni-channel ที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆ จาก CRC ดังนั้น การซื้อหุ้นของ Grab ประเทศไทย และได้เรียนรู้องค์ความรู้เกี่ยวกับ Super App จาก Grab จะทำให้เซ็นทรัล รีเทลฯ มีอิทธิพลมากขึ้นในตลาด อย่างน้อยๆ ก็เสริมความแข็งแรงในด้านการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (CX) ได้ดีขึ้นอีก
อย่างที่ คุณญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) พูดว่า “เราจะนำเอาความแข็งแกร่งของทั้งสองฝ่ายมาเสริมซึ่งกันและกัน เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าคนไทยทุกคน วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญและความภาคภูมิใจที่เราได้มีพันธสัญญาร่วมกัน เพื่อยกระดับวงการค้าปลีกและบริการของไทย ร่วมผลักดันเศรษฐกิจประเทศไทยให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง เรามีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะนำพาองค์กรไปสู่การพัฒนาและการเติบโตอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ในกลุ่มธุรกิจหลักภายใต้ CRC ที่น่าจะได้ประโยชน์เต็มๆ จากการซื้อหุ้นครั้งนี้ ก็คือ
- กลุ่มธุรกิจแฟชั่น เช่น ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, โรบินสัน, รินาเชนเต (La Rinascente) ในประเทศอิตาลี
- กลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ เช่น ไทวัสดุ และ เพาเวอร์บาย
- กลุ่มธุรกิจอาหาร เช่น ท็อปส์, เซ็นทรัลฟู้ด ฮอลล์, บิ๊กซี เวียดนาม
การปิดดีลส่งท้ายปีที่จริงก็ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณบางอย่างจาก CRC ว่าปี 2022 มีอะไรสนุกๆ ใหม่ๆ ให้น่าตื่นเต้นแน่นอน แต่ตอนนี้คงทำได้แค่รอดูต่อไปว่าดีลนี้จะสร้างเซอร์ไพรส์อะไรให้กับตลาด และผู้บริโภคกันแน่
Related posts:
ต่อยอดเทรนด์ Home Convenience โต เซ็นทรัล รีเทล ทุ่ม 70 ล้านบาท ขยายวาไรตี้สโตร์ ‘โก!ว้าว’ 8 แห่ง
รับเทรนด์ยานยนต์ไฟฟ้า แกร็บ ประเทศไทย ปักหมุด 5 ปี พาร์ทเนอร์คนขับใช้รถ EV 10%
CP Group เดินหน้ายกเครื่อง Lotus’s สู่ Digital Retail
เปิด Insight ของ Grab Finance กับการเป็น Data driven Digital Lender สินเชื่อขวัญใจคนขับ – ร้านค้า
อยากกินต้องได้กิน ‘ Major’ จับมือ ‘Grab’ เปิด POP TO GO ส่งป็อปคอร์นถึงมือ โดยไม่ต้องไปซื้อที่โรงหนัง
Grab ท้าชน Line man เปิดบริการ GrabExpress ลุยธุรกิจโลจิสติกส์ ออนดีมานด์ พร้อมเผยสิ้นปีมีอีก 2 บริการใหม่ เพื่อเดินเกมสู่ Super App
