ในขณะที่บ้านเรากำลังแตกตื่นเรื่องการระบาดของไวรัส COVID-19 รอบที่ 2 ที่สมุทรสาคร ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อไวรัสพุ่งขึ้นกว่า 500 คนเพียง 2 วันเท่านั้น
หลายๆ บริษัทชั้นนำของโลกก็ได้เริ่มประกาศแผน ‘ปลดพนักงาน’ หลังจากที่มีมูฟเมนต์ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
โดยบริษัทล่าสุดที่ตัดสินใจ Layoff ก็คือ ‘Coca-Cola’ (โค้ก) คาดว่าจำนวนจะถึง 2,200 คนทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนการปรับโครงสร้างบริษัท
ทั้งนี้ ในจำนวนนั้นประมาณ 1, 200 คนจะเป็นพนักงานในสหรัฐอเมริกา หรือราวๆ 12% ของพนักงานทั้งหมด
ผลกระทบที่เกิดขึ้นไปทั่วโลก รวมถึงสหรัฐฯ ทำให้ยอดขายโค้กลดลง 9% ในไตรมาส 3/2020 ซึ่งก่อนหน้านี้รายได้ครึ่งหนึ่งของโค้กมาจากผู้บริโภคที่ดื่มเครื่องดื่มนอกบ้าน
ก่อนหน้านี้ เราจะเห็นแผนการปรับโครงสร้างของ Coca-Cola มาแล้ว โดยเฉพาะการหยุดผลิตเครื่องดื่มที่ไม่ทำกำไร เช่น Tab รวมไปถึงการเปิดโอกาสให้พนักงานในสหรัฐฯ, แคนาดา และ เปอร์โตริโก สมัครใจลาออกเป็นจำนวนรวม 4,000 คน
นอกจากนี้ หลายเดือนก่อนหน้านี้มีหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่นในธุรกิจน้ำมัน อย่าง ‘Chevron’ ก็เคยประกาศ layoff พนักงานมาแล้วเกือบ 7,000 คน (จากพนักงานทั้งหมด 45, 000 คน) หลังจากที่ราคาน้ำมันร่วงตั้งแต่ไตรมาส 1/2020 เพราะคนไม่ออกจากบ้าน ไม่ใช่รถ และหลายประเทศล็อกดาวน์
หลายประเทศเข้าสู่วิกฤตการระบาดรอบที่ 2 ไปแล้ว ส่วนไทยกำลังเริ่มต้น ถ้ายังไม่มีมาตรการควบคุมได้ดีในระดับเดิม ซึ่งในอนาคตเราคงไม่อยากเห็นอีกหลายบริษัทที่ได้รับผลกระทบ ทัังทางตรง-ทางอ้อม ประกาศเลย์ออฟกันอีก แต่ก็อดที่จะคิดไม่ได้ จนกว่าจะมีวัคซีนป้องกัน
Source: CNBC