ครั้งแรกของโลก! กลยุทธ์ใหม่จาก BYD แค่ขับรถไฟฟ้าก็ได้ Carbon Credit แนวคิดที่ได้ benefit ถึง 2 ต่อ

  • 1
  •  
  •  
  •  
  •  

หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า Carbon Credit กันมาบ้าง หลายคนก็อาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องนี้ แต่จากนี้เราจะเข้าใจมันมากขึ้น ล่าสุดแบรนด์ BYD เพิ่งจะประกาศว่าเจ้าของรถไฟฟ้า BYD จะสามารถรับ Carbon Credit จากการขับรถทุกๆ 1 กิโลเมตรไปแลกสิทธิการชาร์จรถที่สถานีชาร์จและนำไปแลกสิทธิประโยชน์ต่างๆอีกมากมายได้แล้ว นับเป็นครั้งแรกของโลกที่แบรนด์นำ Carbon Credit มาส่งต่อให้กับ End User เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การตลาดที่เราน่าจะได้เห็นมากขึ้นจากแบรนด์ต่างๆนับจากนี้เป็นต้นไป

กลยุทธ์ดังกล่าว BYD ประกาศผ่านงานแถลงข่าวของบริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและให้บริการหลังการขายรถยนต์ BYD อย่างเป็นทางการในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 กันยายน ซึ่งภายในงานมีการประกาศ Joint Venture กับ Sharge เปิดตัว REVERSHARGE สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาเติมเต็ม Ecosystem สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าให้กับ BYD ให้ครบวงจรมากยิ่งขึ้นโดย แต่ที่น่าสนใจที่สุดคือกลยุทธ์การนำ Carbon Credit ที่จะส่งมอบให้กับผู้ใช้รถ BYD นับเป็นครั้งแรกของโลกก็ว่าได้ที่ Carbon Credit ถูกส่งมอบถึงมือผู้บริโภคโดยตรง

Carbon Credit เป็นกลไกหนึ่งของการแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับโลกก็ว่าได้ เพื่อให้การ “ลดการปล่อย Co2” ขององค์กรหนึ่งกลายเป็นเครดิตที่สามารถนำไปขายในเปลี่ยนเป็น “เงิน” ได้โดย “ผู้ขาย” จะเป็นองค์กรหรือธุรกิจที่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้นำ “ปริมาณ Co2 ที่สามารถลดลงได้” คำนวนเป็น Carbon Credit ไปขายผ่าน “หน่วยงานรับรอง”

ส่วน “ผู้ซื้อ” คือองค์กรหรือธุรกิจที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ก็สามารถซื้อ Carbon Credit จากหน่วยงานรับรองมาชดเชยให้ได้ตามมาตรฐาน ช่วยให้โลกเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่นั่นก็คือการปล่อย Co2 เป็นศูนย์หรือ Net Zero นั่นเอง

ปัญหาก็คือ Carbon Credit ส่วนใหญ่จะหมุนเวียนอยู่กับองค์กรหรือธุรกิจใหญ่ๆเท่านั้น แต่ล่าสุด BYD มีไอเดียในการนำ Carbon Credit ที่ส่วนหนึ่งคิดคำนวนมาจากระยะทางการใช้รถยนต์ไฟฟ้าของลูกค้าและนำไปเทรดผ่าน Verra หน่วยงานรับรอง Carbon Credit ระดับโลก มาส่งต่อให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้า BYD โดยตรงแบบ 100% 

คำถามก็คือขับรถไฟฟ้า BYD กี่กิโลเมตรได้ Carbon Credit เท่าไหร่? เวลานี้ทาง BYD อาจยังบอกไม่ได้แบบชัดเจนนักเพราะทาง BYD จะนำระยะทางสะสมทั้งหมดไปคิดคำนวนและเคลมกับทาง Verra ในช่วงต้นปี 2024 ซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันว่าราคา Carbon Credit ในเวลานั้นจะอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งปัจจุบันมีราคา Carbon Credit ก็ขึ้นลงอยู่ที่ 30-90 ดอลลาร์สหรัฐต่อการลดการปล่อย Co2 ปริมาณ 1 ตัน

Carbon Credit ที่ได้นั้นเบื้องต้นทาง BYD ระบุว่าจะสามารถนำไปใช้ชาร์จรถกับสถานีชาร์จ REVERSHARGER โครงข่ายชาร์จที่ตั้งเป้าที่จะขาย 1,110 จุดในสถานี 362 แห่งทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2023 รวมถึงสามารถนำไปใช้แลกสิทธิประโยชน์ได้มากมายในแง่ของส่วนลดหรือคูปองเงินสดกับพาร์ตเนอร์ได้ต่อไป

สำหรับเจ้าของรถไฟฟ้า BYD สามารถสมัครสะสมระยะทางเพื่อรับ Carbon Credit จากการใช้รถได้ผ่านแอปพลิเคชั่น “Rever Automotive” ดาวน์โหลดได้ทั้ง App Store และ Play Store ซึ่งล่าสุดทาง เรเว่ เปิดเผยว่ามีเจ้าของรถ BYD ลงทะเบียนมาแล้วราว 30%

กลยุทธ์ครั้งนี้เรียกว่าสร้างผลลัพธ์แง่บวกให้กับทาง BYD โดยเฉพาะทางเรเว่ ผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแบบ 2 ต่อ เรื่องแรกก็คือการได้ทำตามเป้าหมายของบริษัทในการลดการปล่อยคาร์บอนพาสังคมสู่ Net Zero เพื่อแก้ปัญหา Climate Change อย่างจริงจังโดยเฉพาะการนำเสนอเรื่อง Carbon Credit สู่คนวงกว้างโดยเฉพาะผู้ใช้รถไฟฟ้าที่จะได้สัมผัสการลดการปล่อยก๊าซ Co2 อย่างเป็นรูปธรรม

ผลลัทธ์เชิงบวกอีกเรื่องคือในแง่การตลาดที่จะเป็นกลยุทธ์ของ BYD ในการเป็นแบรนด์ที่จริงจังกับเรื่องสิ่งแวดล้อมสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่โดยเฉพาะคน Gen Z มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้าง Ecosystem ที่ครบวงจรให้กับลูกค้าผ่าน Loyalty Program ทางแอปพลิเคชั่น Rever Automotive ที่นอกจากจะสะดวกกับลูกค้าแล้วแบรนด์เองก็สามารถส่งมอบประสบการณ์ตอบสนองความต้องการลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นด้วย


  • 1
  •  
  •  
  •  
  •