หากเราพูดถึงการปรับตัวในช่วงที่มีวิกฤตอย่างเวลานี้ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยยังถือว่ารุนแรง เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูง ซึ่งแน่นอนว่าหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบก็ต้องปรับตัวไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่ ‘ธุรกิจโรงพยาบาล’ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่สำคัญมากในช่วงยากลำบากแบบนี้
แต่ในแง่ของโลกธุรกิจต้องบอกว่า “ใครปรับตัวได้เร็วกว่า หรือปรับตัวได้ตอบโจทย์กว่า ก็ถือว่าเป็นการสร้างข้อได้เปรียบให้กับธุรกิจได้อย่างฉลาด” อย่างล่าสุดที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้แถลงเกี่ยวกับเซอร์วิสใหม่ ที่โฟกัสไปที่ผู้ป่วยและคนที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 โดยเฉพาะ
เซอร์วิสใหม่ที่ว่านี้ก็คือ Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic หรือ คลินิกฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งถ้าจำง่ายๆ มันก็คือ คลินิกโควิด แต่ความน่าสนใจของเซอร์วิสดังกล่าวอยู่ที่ โรงพยาบาลฯ โฟกัสแผนช่วยเหลือที่ค่อนข้างครอบคลุม ไม่ใช่การเน้นที่การรักษาผู้ป่วยโควิดอย่างเดียว แต่เป็นการช่วยเหลือผู้ที่ไม่ได้ป่วย แต่ได้รับผลกระทบเหมือนกัน จะว่าไปมันก็คือรูปแบบการทำธุรกิจแบบ one stop service นั่นเอง
ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้พูดถึงจุดประสงค์ของโรงพยาบาลฯ ก็เพื่อต้องการใช้ความเชี่ยวชาญ และความพร้อมทางการแพทย์ในทุกมิติของบำรุงราษฎร์ เพื่อเป็นที่พึ่งให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยในกลุ่มผู้ติดเชื้อ, กลุ่ม Long COVID ที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องแม้ว่าจะรักษาหายแล้ว และการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์
3 โซลูชั่นของคลินิกโควิดที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
นพ. สุธร ชุตินิยมการ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ ได้พูดว่า Bumrungrad COVID-19 Recovery Clinic ถือว่าเป็นศูนย์บูรณาการทางการแพทย์ด้าน COVID-19 ที่ครอบคลุมการให้บริการแห่งแรกในประเทศไทย และในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งแน่นอนว่าเซอร์วิสที่ครอบคลุมทั้งหมดแบบนี้ ขั้นตอนการทำงาน หรือการดำเนินงานจะเร็วกว่าระบบโรงพยาบาล เพราะการบริการจะรวมอยู่ในที่ที่เดียว
ทั้งนี้ ในระหว่างแถลงการณ์ยังมีนายแพทย์ 2 คนที่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับ 3 โซลูชั่นที่ว่านี้ ซึ่งก็คือ นพ. เดช จงนรังสิน แพทย์ผู้ชำนาญด้านเวชบำบัดวิกฤต และ นพ. วิวัฒน์ วงศ์สิริศักดิ์ อายุรแพทย์ทั่วไป โดยเราจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ว่า 3 บริการดังกล่าวมีอะไร และทำอะไรบ้าง
-
Now Normal COVID Solution
ไม่เมื่อเราต่างก็ไม่รู้เลยว่า COVID-19 จะอยู่กับเราอีกนานมั้ย ดังนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ซึ่งโซลูชั่นแรกของคลินิกโควิดของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ก็จะให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแต่ไม่ใช่ผู้ป่วย เช่น นักศึกษาที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ, คนทำงานที่ต้องบินไปต่างประเทศ หรือเหตุผลอื่นส่วนตัว
คลินิกแห่งนี้พร้อมที่จะบริการด้าน ‘Travel Clinic’ รวมถึงข้อควรปฏิบัติของประเทศปลายทาง (Fit to Fly) ซึ่งรวมถึงการจัดยา เวชภัณฑ์ การออกเอกสารใบรับรองแพทย์ ที่จำเป็นในระหว่างที่อยู่ต่างประเทศ นอกจากนี้จะมีบริการให้คำปรึกษาทางไกลกับแพทย์ (Telemedicine/Teleconsultation) อีกด้วย
บริการด้าน ‘Vaccine Passport’ สำหรับผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ซึ่งต้องมีเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนป้องกันCOVID-19 ของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันมีหลายประเทศที่ระบุข้อกำหนดในการเดินทางเข้าประเทศ ต้องแสดงใบ Vaccine Passport ต่อเจ้าหน้าที่
และสุดท้ายคือ บริการ ‘Health Screening’ โซลูชั่นนี้สำหรับคนที่ต้องการจะตรวจสุขภาพ หรือดูแลสุขภาพ รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย เช่น การตรวจหาเชื้อ COVID-19 แบบวิธี swab หรือ การฉีดวัคซีนทางเลือก นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลได้ออกแบบโปรแกรมตรวจสุขภาพเพื่อให้เข้ากับการตรวจทั้งกลุ่มผู้ที่หายจากโควิด หรือผู้ที่ต้องการตรวจเพื่อปรับสภาวะของร่างกายให้สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ ซึ่งตอนนี้ได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับแพ็กเกจการตรวจแบบนี้
-
Fighting COVID Solution
นอกเหนือจากนโยบายจากภาครัฐที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ คลินิกโควิดนี้ก็เหมือนเป็นศูนย์กลาง หรือเป็นตัวแทนการประสานเรื่องให้กับผู้ป่วยโควิดได้ด้วย ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ถูกต้องและควรจะเป็นตามหลักสากลที่โรงพยาบาล
หรือในกรณีที่ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการรักษารูปแบบอื่น คือไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล เช่น Home Isolation, Hospitel ซึ่งทางโรงพยาบาลฯ ก็ได้ร่วมกับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการของบำรุงราษฎร์ในการให้ผู้ป่วยรักษาตัวที่นั่น ซึ่งเราสามารถติดต่อ ประสานเรื่อง และรักษาตัวได้จากคลินิกแห่งนี้
-
Recover COVID Solution
อีกหนึ่งโซลูชั่นของคลินิกโควิดที่มองว่าน่าสนใจมากๆ และคนบางคนอาจนึกถึงก็คือ อาการที่เกิดหลังจากรักษาตัวของผู้ป่วยโควิด ทั้งระยะ Post-COVID (2 – 12 สัปดาห์) หรือ Long COVID (12 สัปดาห์ขึ้นไป) ซึ่งสำคัญมากเพราะว่ามีจำนวนผู้ป่วยโควิดที่รักษาตัวหายขาดแล้ว แต่ยังมีเอฟเฟกต์ต่อเนื่องด้านอื่น เช่น ภาวะการหายใจ, ปัญหาทางจิต, ยังรู้สึกแน่นหน้าอก, นอนไม่หลับ, ปวดเมื่อยตามตัว, ไม่ค่อยมีสมาธิ, ความจำสั้นลง, รู้สึกว่ากล้ามเนื้ออ่อนแรง ฯลฯ
โดยบริการที่ 3 ก็คือ การรักษาอย่างต่อเนื่องจากอาการเหล่านั้น ไม่ว่าผู้ปวยจะอยู่ในระยะไหน เพราะมันมีความจำเป็นและมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ซึ่งจะเป็นการให้บริการดูแลรักษาและฟื้นฟูเฉพาะบุคคล (Personalized Healthcare) โดยครอบคลุมตั้งแต่การตรวจประเมิน การวินิจฉัย และการวางแผนแนวทางการรักษา
อย่างที่เล่าไปว่า ความน่าสนใจของคลินิก COVID-19 Recovery ก็คือ การรักษาครอบคลุมทั้งหมด นั่นหมายความว่าการ stand by ของเหล่าแพทย์เฉพาะด้านไม่ได้มีแค่แพทย์ที่เกี่ยวกับโรคโควิดเท่านั้น แต่มีรวมไปถึง จิตแพทย์, นักกายภาพบำบัด, เวชศาสตร์ฟื้นฟู หรืออาการที่เกิดจากยาที่ใช้รักษา เช่น โรคเบาหวาน ก็จะมีแพทย์เฉพาะด้านในสาขาต่างๆ รวมอยู่ด้วย
เรามองว่า โมเดลการดำเนินธุรกิจไม่ว่าจะรูปแบบไหน หากมันสร้างความสะดวกสบาย, ความเร็ว หรือการย่นเวลามากขึ้น และแน่นอนว่ามันพร้อมทุกด้านโดยที่เราไม่ต้องเดินทางไปทำเรื่องต่อที่ไหนอีก การสร้างความประทับใจและตอบโจทย์ผู้บริโภค จะทำให้เกิด consumer loyalty ขึ้นในระยะยาว และอีกอย่างสะท้อนให้เห็นว่า โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ไม่เคยหยุดที่จะพัฒนาและต่อยอดเลย สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกค้าเห็นถึงความเอาใจใส่ซึ่งก็เป็นข้อได้เปรียบในวงการโรงพยาบาลยุคใหม่